งา (Sesamum indicum) เป็นพืชน้ำมันที่มีประวัติการเพาะปลูกมายาวนานหลายพันปี งาถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านอาหาร สมุนไพร เครื่องสำอาง และอุตสาหกรรม งาเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
สายพันธุ์งาที่นิยมปลูก
- งาขาว – ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องสำอาง
- งาดำ – อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ นิยมใช้ในสมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ
- งาทอง – มีน้ำมันหอมมาก ใช้ในการทำซอสและน้ำมันงาคุณภาพสูง
- งาน้ำตาล – มีรสชาติเข้มข้นและนิยมใช้ในอาหารพื้นเมืองบางประเภท
- งาขี้ม่อน (Perilla Seeds) – พบมากในพื้นที่สูงของภาคเหนือ มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง นิยมใช้ทำอาหารและเป็นสมุนไพร

พื้นที่เพาะปลูกและฤดูกาลเพาะปลูกงา
งาเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ทั้งบนที่สูงและที่ลุ่ม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม:
1. แหล่งเพาะปลูก
- พื้นที่ภูเขาสูง: พบมากในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน โดยเฉพาะงาขี้ม่อนที่เติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็น
- ที่ราบลุ่ม: พบในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเหมาะกับงาขาวและงาดำที่ต้องการดินร่วนซุย
- พื้นที่ดอน: นิยมปลูกงาที่ทนแล้งได้ดี เช่น งาดำและงาทอง ที่สามารถเจริญเติบโตได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำจำกัด
2. ฤดูกาลเพาะปลูก
- ต้นฤดูฝน (พฤษภาคม-กรกฎาคม): เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากดินมีความชื้นเพียงพอ ทำให้งาเติบโตได้ดี
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มกราคม): สามารถปลูกได้ในบางพื้นที่ที่มีดินอุดมสมบูรณ์และการระบายน้ำดี เช่น ในพื้นที่สูงที่ปลูกงาขี้ม่อน
- ปลูกแบบพืชหลังนา: งาสามารถปลูกเป็นพืชเสริมหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวในภาคกลางและตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
การนำงาไปใช้ประโยชน์
1. อาหาร
- งาคั่ว – ใช้โรยบนข้าว อาหารญี่ปุ่น หรือขนมเพื่อเพิ่มรสชาติ
- นมงา – นำเมล็ดงามาปั่นกับน้ำและกรองเพื่อทำเป็นนมทางเลือก
- ขนมและเบเกอรี่ – ใช้เป็นส่วนผสมในขนมปัง คุกกี้ และเค้ก
- ซอสและน้ำมันงา – ใช้ในอาหารจีนและญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มรสชาติ
2. สมุนไพรและสุขภาพ
- ช่วยบำรุงกระดูก – งามีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
- ลดระดับคอเลสเตอรอล – กรดไขมันดีในงาช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- บำรุงผิวพรรณและเส้นผม – สารเซซามินช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการเกิดริ้วรอย
- ป้องกันโรคหัวใจ – ไขมันไม่อิ่มตัวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
3. อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
- น้ำมันงา ใช้ในครีมบำรุงผิวและแชมพูเพื่อช่วยให้ผิวและเส้นผมแข็งแรง
- สบู่งา ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง
ศักยภาพทางเศรษฐกิจของงา
1. ตลาดในประเทศ
- มีความต้องการเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้รักสุขภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากน้ำมันงา
- ร้านค้าสุขภาพและซูเปอร์มาร์เก็ตเริ่มนำผลิตภัณฑ์จากงามาจำหน่ายมากขึ้น
2. ตลาดต่างประเทศ
- ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีมีการใช้งาในอาหาร เช่น ซูชิและขนม
- ตลาดเครื่องสำอางในยุโรปและสหรัฐฯ ให้ความสนใจน้ำมันงาในฐานะส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
สรุป
งาเป็นพืชน้ำมันที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอาหาร สมุนไพร และอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก การพัฒนาและการแปรรูปงาจะสามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี