งาขี้ม้อน (Perilla frutescens)

งาหอม หรือที่รู้จักกันในชื่อ งาขี้ม้อน (Perilla frutescens) เป็นพืชตระกูลเดียวกับกะเพรา โหระพา และแมงลัก มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในพื้นที่สูงของภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในชุมชนชาวไทยภูเขา งาม้อนเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน เช่น อาหาร สมุนไพร และอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง


พื้นที่ปลูกงาม้อนในประเทศไทย

การปลูกงาม้อนในประเทศไทยกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่สูง โดยเฉพาะในภาคเหนือ ซึ่งมีอากาศเย็นและดินที่เหมาะสม โดยพื้นที่ปลูกที่สำคัญ ได้แก่:

  • จังหวัดเชียงใหม่: พื้นที่ของโครงการขยายผลโครงการหลวง เช่น อำเภอเชียงดาว แม่แจ่ม แม่ริม
  • จังหวัดเชียงราย: บริเวณดอยแม่สลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง
  • จังหวัดแม่ฮ่องสอน: อำเภอปาย อำเภอขุนยวม
  • จังหวัดน่าน: อำเภอบ่อเกลือ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
  • จังหวัดตาก: พื้นที่สูงของอำเภอแม่สอด

พื้นที่เหล่านี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 15-25 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของงาม้อน เนื่องจากพืชชนิดนี้เติบโตได้ดีในอากาศเย็นและมีความชื้นปานกลาง

งาขี้ม้อน (Perilla frutescens)
ต้นงาขี้ม้อน

การปลูกงาม้อน

1. ฤดูปลูก

  • งาม้อนเป็นพืชฤดูเดียวที่ปลูกได้ในช่วงต้นฤดูฝน (พฤษภาคม-กรกฎาคม) และเก็บเกี่ยวในช่วงปลายฝน (กันยายน-ตุลาคม)
  • ในบางพื้นที่ที่มีความชื้นเพียงพอ สามารถปลูกในฤดูหนาวได้เช่นกัน

2. การเตรียมดินและการปลูก

  • งาม้อนต้องการดินร่วนซุย มีการระบายน้ำดี ค่า pH ระหว่าง 5.5-6.5
  • ใช้วิธีหว่านเมล็ดลงแปลง หรือเพาะกล้าแล้วนำมาปลูกเป็นแถว
  • ระยะห่างของแถวปลูกประมาณ 30-40 เซนติเมตร เพื่อให้พืชได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ
  • ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน

3. การดูแลรักษา

  • ควรรดน้ำเป็นประจำ แต่ไม่ให้ดินแฉะเกินไป
  • หมั่นกำจัดวัชพืชและพรวนดินรอบโคนต้น
  • งาม้อนมีศัตรูพืชน้อย จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการดูแลมากนัก

ผลผลิตและคุณค่าทางโภชนาการของงาม้อน

1. ปริมาณผลผลิต

  • ผลผลิตของงาม้อนในพื้นที่สูงอยู่ที่ประมาณ 48-767 กิโลกรัมต่อไร่ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการจัดการแปลงปลูก
  • เมล็ดงาม้อนที่เก็บเกี่ยวแล้วสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย

2. คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดงาม้อน

สารอาหารปริมาณต่อ 100 กรัม
พลังงาน560 กิโลแคลอรี
โปรตีน16.8 กรัม
ไขมัน48 กรัม
คาร์โบไฮเดรต25.6 กรัม
ใยอาหาร14.4 กรัม
แคลเซียม230 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก4.5 มิลลิกรัม
โอเมก้า-325-50% ของน้ำมันทั้งหมด

งาม้อนมีกรดไขมัน โอเมก้า-3 สูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ยังมีวิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงร่างกาย


การนำงาม้อนไปใช้ประโยชน์

1. อาหาร

  • เมล็ดงาม้อนคั่ว – นำไปผสมกับข้าวเหนียวหรือทำเป็นน้ำพริก
  • น้ำมันงาม้อน – ใช้ปรุงอาหารแทนน้ำมันพืชทั่วไป หรือใช้รับประทานสด
  • เครื่องดื่มงาม้อน – แปรรูปเป็นชาและนมจากงาม้อน
  • ขนมและของหวาน – เช่น คุกกี้งาม้อน งาม้อนแผ่น ข้าวหลามงาม้อน

2. สมุนไพรและสุขภาพ

  • ลดระดับคอเลสเตอรอล – น้ำมันงาม้อนมีโอเมก้า-3 ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL
  • บำรุงสมอง – กรดไขมันโอเมก้า-3 ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองและความจำ
  • ป้องกันโรคหัวใจ – ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

3. อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง

  • น้ำมันงาม้อนถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เนื่องจากช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิวหนัง
  • ใช้เป็นส่วนผสมในแชมพูและโลชั่นบำรุงเส้นผม

ศักยภาพทางเศรษฐกิจของงาม้อน

1. ตลาดในประเทศ

  • มีความต้องการเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้รักสุขภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากน้ำมันงาม้อน
  • ร้านค้าสุขภาพและซูเปอร์มาร์เก็ตเริ่มนำผลิตภัณฑ์จากงาม้อนมาจำหน่ายมากขึ้น

2. ตลาดต่างประเทศ

  • ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีการใช้ใบและเมล็ดงาม้อนเป็นส่วนประกอบในอาหาร เช่น กิมจิและน้ำมันงาม้อน
  • ตลาดเครื่องสำอางในยุโรปและสหรัฐฯ ให้ความสนใจน้ำมันงาม้อนในฐานะส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

สรุป

งาม้อนเป็นพืชน้ำมันที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่สูงของภาคเหนือของประเทศไทย โดยมีประโยชน์ทั้งในด้านอาหาร สมุนไพร และอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง การปลูกงาม้อนไม่เพียงแต่ช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่สูง แต่ยังส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภคและมีศักยภาพในตลาดโลกอีกด้วย

หากคุณกำลังมองหาพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง งาม้อนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับอนาคต!