เสจ (Salvia officinalis) เป็นสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดจากแถบเมดิเตอร์เรเนียนและเป็นพืชในตระกูลเดียวกับมินต์ (Lamiaceae) เสจมีคุณค่าทางอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ได้รับความนิยมในยุโรปและอเมริกาเหนือ ทั้งในการปรุงอาหารและเป็นสมุนไพรเพื่อการรักษาโรค
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Salvia officinalis
- วงศ์: Lamiaceae
- ลำต้น: เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 30-60 ซม.
- ใบ: รูปไข่ ยาว 4-10 ซม. มีสีเขียวอมเทาและมีขนปกคลุมเล็กน้อย
- ดอก: สีม่วงอ่อน ชมพู หรือขาว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง
- กลิ่น: มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและมีรสชาติขมเล็กน้อย

ประเภทของเสจที่นิยมใช้
- Common Sage (Salvia officinalis) – เป็นพันธุ์ที่นิยมใช้ในอาหารและเป็นสมุนไพรทั่วไป
- Clary Sage (Salvia sclarea) – มีคุณสมบัติทางยาและมักใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม
- Pineapple Sage (Salvia elegans) – มีกลิ่นหอมของสับปะรด ใช้ในอาหารและเป็นไม้ประดับ
- Greek Sage (Salvia fruticosa) – นิยมใช้ทำชาสมุนไพร
คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 100 กรัม)
- พลังงาน: 315 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 60 กรัม
- โปรตีน: 10.6 กรัม
- ไขมัน: 12.8 กรัม
- ใยอาหาร: 40.3 กรัม
- วิตามินเอ: 5900 IU (ช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง)
- วิตามินซี: 32.4 มิลลิกรัม (เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน)
- วิตามินเค: 1714 ไมโครกรัม (ช่วยบำรุงกระดูกและระบบไหลเวียนโลหิต)
- ธาตุเหล็ก: 28.1 มิลลิกรัม (ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง)
- แมกนีเซียม: 428 มิลลิกรัม (ช่วยบำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อ)
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ช่วยบรรเทาอาการไอและเจ็บคอ – มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยบรรเทาอาการอักเสบในลำคอ
- ช่วยบำรุงสมองและความจำ – มีสารประกอบที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทและลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ – สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวจากความเสื่อมสภาพ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด – มีสารประกอบที่ช่วยควบคุมระดับอินซูลินในร่างกาย
- ช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างอารมณ์ – น้ำมันหอมระเหยจากเสจช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
- ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและอักเสบ – มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ช่วยบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ
การใช้เสจในอาหาร
เสจสามารถใช้ได้ทั้งแบบสดและแห้ง และนิยมใช้ในอาหารยุโรป เช่น:
- เครื่องเทศสำหรับเนื้อสัตว์ – ใช้ปรุงรสเนื้อไก่ หมู และไส้กรอก
- ซุปและสตูว์ – เพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติในซุปและสตูว์
- ซอสและพาสต้า – ใส่ในซอสครีมและพาสต้าเพื่อเพิ่มรสชาติ
- ชาเสจ – นำใบเสจแห้งมาต้มเป็นชาเพื่อช่วยบรรเทาอาการหวัดและช่วยย่อยอาหาร
- อบขนมปังและชีส – ใส่ในขนมปังหรือโรยบนชีสเพื่อเพิ่มความหอม

วิธีปลูกและดูแลเสจ
- ดินและแสงแดด – ต้องการดินร่วนที่ระบายน้ำดี และแสงแดดเต็มวัน
- การรดน้ำ – ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่ควรให้น้ำขัง
- การขยายพันธุ์ – สามารถปลูกจากเมล็ดหรือปักชำกิ่ง
- การตัดแต่งกิ่ง – ควรตัดแต่งกิ่งเพื่อกระตุ้นการเติบโตและป้องกันการเป็นโรค
- การเก็บเกี่ยว – สามารถเก็บเกี่ยวใบได้เมื่อมีอายุ 2-3 เดือน โดยใช้กรรไกรตัดจากยอดต้น
การแปรรูปและการเก็บรักษา
- การอบแห้ง – นำใบไปตากแห้งแล้วเก็บไว้ในขวดปิดสนิท
- การแช่แข็ง – ใบเสจสดสามารถแช่แข็งได้เพื่อยืดอายุการใช้งาน
- การสกัดน้ำมันหอมระเหย – ใช้ในเครื่องสำอาง โลชั่น และสบู่
ข้อควรระวังในการบริโภคเสจ
- ไม่ควรบริโภคในปริมาณมากเกินไป – เสจมีสาร thujone ซึ่งอาจเป็นพิษหากรับประทานมากเกินไป
- สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง – อาจกระตุ้นการหดตัวของมดลูก
- ผู้ที่มีโรคลมชักควรระวัง – สารบางชนิดในเสจอาจกระตุ้นอาการชักได้
- อาจทำให้เกิดอาการแพ้ – ควรทดสอบปริมาณเล็กน้อยก่อนรับประทานในปริมาณมาก
สรุป
เสจ (Salvia officinalis) เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา นิยมใช้ในอาหารยุโรปและเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เสจช่วยบรรเทาอาการหวัด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเครียด นอกจากนี้ยังสามารถปลูกและดูแลได้ง่าย ทำให้เป็นพืชที่ควรค่าแก่การมีไว้ในสวนครัว