เพกา (Indian Trumpet Flower)

1. เพกาคืออะไร?

เพกา (Oroxylum indicum) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักขึ้นในป่าละเมาะ ป่าดิบแล้ง และพื้นที่โล่งที่มีความชื้นปานกลาง เป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและใช้เป็นสมุนไพรในตำรายาไทยมายาวนาน เพกาเป็นที่รู้จักในหลายชื่อ เช่น ลิ้นฟ้า, มะลิดไม้, ห่อตูม, หางหงส์, และ ฝักลิ้นหมา


2. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของเพกา

  • ลำต้น: เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-20 เมตร เปลือกต้นมีสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน ผิวเปลือกเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็กน้อย
  • ใบ: เป็นใบประกอบแบบขนนกสามชั้น ใบย่อยรูปไข่หรือรูปหอก ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม
  • ดอก: ออกเป็นช่อกระจะที่ปลายกิ่ง ดอกสีม่วงแดงหรือชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
  • ผล (ฝัก): มีลักษณะเป็นฝักแบน ยาว 30-120 เซนติเมตร กว้าง 5-10 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแตกออก ภายในมีเมล็ดแบน มีปีกบางใส
  • เมล็ด: มีขนาดเล็ก มีเยื่อบาง ๆ คล้ายปีกช่วยกระจายพันธุ์โดยลม
เพกา (Indian Trumpet Flower)

3. คุณค่าทางโภชนาการของเพกา (ต่อ 100 กรัม)

  • พลังงาน: 62 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต: 9.8 กรัม
  • โปรตีน: 3.2 กรัม
  • ไขมัน: 1.2 กรัม
  • วิตามินซี: 484 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ: 8,300 IU
  • แคลเซียม: 120 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส: 90 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก: 4.7 มิลลิกรัม

4. สรรพคุณของเพกาต่อสุขภาพ

เพกาเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยาและถูกใช้เป็นสมุนไพรมาตั้งแต่อดีต โดยส่วนต่าง ๆ ของต้นสามารถนำมาใช้เพื่อบำรุงร่างกายและรักษาโรคต่าง ๆ ได้ดังนี้:

  • ฝักอ่อน: ช่วยขับลมในลำไส้ บำรุงธาตุ และเจริญอาหาร
  • เมล็ด: ใช้เป็นยาขับเสมหะ แก้ไอ และช่วยระบบขับถ่าย
  • เปลือกต้น: มีฤทธิ์สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย และช่วยรักษาอาการฟกช้ำ
  • ราก: ใช้บำรุงธาตุ แก้ท้องร่วง และช่วยลดการอักเสบ
  • ใบ: ใช้พอกแผลเพื่อลดอาการปวดและบวม
  • น้ำคั้นจากเพกา: ใช้ดื่มเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและช่วยขับเสมหะ

5. การนำเพกาไปใช้ในอาหาร

5.1 เมนูอาหารไทยจากเพกา

  • ย่างหรือลวกจิ้มน้ำพริก – ฝักอ่อนของเพกามีรสขมเล็กน้อย นิยมย่างไฟอ่อน ๆ หรือขูดเปลือกออกแล้วลวกจิ้มกับน้ำพริก
  • แกงส้มเพกา – ฝักอ่อนไปแกงกับน้ำพริกแกงส้ม ให้รสเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อม
  • ผัดเพกาใส่เนื้อสัตว์ – ใช้ฝักเพกาผัดกับหมู ไก่ หรือกุ้ง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและกระเทียม
  • เพกาดองน้ำเกลือ – นิยมดองฝักเพกาในน้ำเกลือเพื่อเก็บรักษาไว้รับประทานได้นานขึ้น

5.2 อาหารพื้นบ้านจากเพกา

  • ลาบเพกา (ภาคอีสาน) – หั่นฝักอ่อนเป็นชิ้นบาง ๆ คลุกกับน้ำลาบและพริกป่น
  • น้ำพริกเพกา (ภาคเหนือ) – โขลกฝักเพกาย่างกับเครื่องปรุงน้ำพริก รับประทานคู่กับข้าวเหนียว
  • แกงเพกาปลาแห้ง (ภาคใต้) – ใส่ฝักเพกาลงในแกงกะทิ หรือแกงไตปลาพร้อมกับปลาแห้ง

6. วิธีลดความขมของเพกา

  • แช่น้ำเกลือ – หั่นฝักอ่อนเป็นชิ้นแล้วแช่ในน้ำเกลือ 10-15 นาที
  • ต้มในน้ำเดือด – ลวกฝักเพกาในน้ำเดือดประมาณ 1-2 นาที เพื่อลดความขม
  • ย่างไฟอ่อน ๆ – ช่วยให้รสชาติของเพกากลมกล่อมขึ้นและลดความขมลง
  • ผัดกับเครื่องเทศรสจัด – ใช้พริกแกงหรือพริกไทยช่วยกลบความขมของเพกา

7. ศักยภาพทางเศรษฐกิจและโอกาสทางการตลาดของเพกา

ปัจจุบันเพกามีแนวโน้มทางการตลาดที่ดีขึ้น เนื่องจากได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารพื้นบ้าน สามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น:

  • เพกาผงอบแห้ง – ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริมสุขภาพ
  • น้ำคั้นจากฝักเพกา – ใช้ดื่มเพื่อลดไขมันและบำรุงร่างกาย
  • เพกาดองน้ำเกลือ – เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่นิยมในตลาด

8. ข้อควรระวังในการบริโภคเพกา

  • หญิงตั้งครรภ์ – ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเพกา เนื่องจากมีฤทธิ์ร้อน อาจทำให้แท้งบุตรได้
  • ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง – ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากมีสารบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็ก
  • เมล็ดเพกาดิบ – มีสารบางชนิดที่อาจเป็นพิษ ควรรับประทานเมล็ดที่ผ่านการต้มสุกแล้วเท่านั้น

9. สรุป

เพกาเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยามากมาย นิยมใช้ในอาหารไทยและพื้นบ้านหลายเมนู นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าได้ แม้จะมีรสขมเล็กน้อย แต่หากผ่านการปรุงอย่างถูกวิธีก็สามารถทำให้รับประทานได้ง่ายและอร่อยขึ้น 🌿