ผักชี (Coriander): สมุนไพรกลิ่นหอม

ผักชี (Coriandrum sativum) หรือ Coriander เป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในครัวไทยหรือครัวนานาชาติ ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัว ผักชีสามารถใช้ได้ทั้งใบ ราก และเมล็ด โดยมีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาหลายประการ

นอกจากการใช้ปรุงอาหารแล้ว ผักชียังถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมยา เครื่องสำอาง และการแพทย์แผนโบราณอีกด้วย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับประวัติ คุณประโยชน์ และการใช้ประโยชน์จากผักชีในรูปแบบต่างๆ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของผักชี

  • ลำต้น: ผักชีเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก สูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร
  • ใบ: ใบล่างมีขอบหยัก ส่วนใบด้านบนมีลักษณะเรียวแหลม
  • ดอก: ออกเป็นช่อ มีสีขาวหรือสีชมพูอ่อน
  • ผล (เมล็ดผักชี): มีลักษณะกลมขนาดเล็ก สีน้ำตาลอมเหลือง ใช้เป็นเครื่องเทศ
  • ราก: มีลักษณะเป็นเส้นยาว นิยมใช้ในการปรุงน้ำซุปและเครื่องแกง
ผักชี (Coriander): สมุนไพรกลิ่นหอม

ที่มาของผักชี

ผักชีเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดใน แถบเมดิเตอร์เรเนียนและเอเชียตะวันตก ก่อนจะแพร่หลายไปยังอินเดีย จีน และทั่วโลก

  • ในยุโรป มีหลักฐานว่ามีการใช้ผักชีมาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ
  • ในอินเดียและจีน ผักชีถูกใช้เป็นทั้งสมุนไพรและเครื่องเทศในอาหาร
  • ในประเทศไทย ผักชีเป็นส่วนสำคัญในอาหารหลายประเภท โดยเฉพาะอาหารไทย เช่น ต้มยำ น้ำพริก และแกงต่างๆ

ชื่อเรียกผักชีในภาษาอังกฤษ

ผักชีมีหลายชื่อเรียกในภาษาอังกฤษ ขึ้นอยู่กับส่วนที่ใช้และประเทศที่ใช้

  • Coriander → ใช้เรียกทั้งต้น เมล็ด และราก (นิยมในอังกฤษ ออสเตรเลีย และยุโรป)
  • Cilantro → ใช้เรียกใบสดของผักชี (นิยมในสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก)
  • Chinese Parsley → ชื่อที่ใช้เรียกใบผักชีในบางประเทศ
  • Coriander Seeds → ใช้เรียกเมล็ดผักชีที่ใช้เป็นเครื่องเทศ
ผักชี (Coriander): สมุนไพรกลิ่นหอม

คุณค่าทางโภชนาการของผักชี

ผักชีมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยใน ผักชี 100 กรัม มีสารอาหารดังนี้

สารอาหารปริมาณ
พลังงาน23 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต3.7 กรัม
ใยอาหาร2.8 กรัม
โปรตีน2.1 กรัม
วิตามินซี27 มิลลิกรัม
วิตามินเอ6748 IU
ธาตุเหล็ก1.8 มิลลิกรัม
แคลเซียม67 มิลลิกรัม

สรรพคุณและประโยชน์ของผักชี

1. ช่วยขับสารพิษในร่างกาย

  • ผักชีมีคุณสมบัติช่วย ขับโลหะหนักออกจากร่างกาย เช่น ปรอทและสารพิษจากอาหาร

2. บำรุงสายตา

  • ผักชีอุดมไปด้วย วิตามินเอและเบต้าแคโรทีน ซึ่งช่วยบำรุงสายตา

3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

  • มี วิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

4. ช่วยย่อยอาหารและลดแก๊สในกระเพาะ

  • น้ำมันหอมระเหยในผักชีช่วย ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และขับลม

5. ลดน้ำตาลในเลือด

  • เมล็ดผักชีช่วยเพิ่มการผลิตอินซูลิน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

6. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

  • ผักชีช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและ ช่วยควบคุมความดันโลหิต

7. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ

  • ผักชีมี สารฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอล ที่ช่วยต้านการอักเสบและลดความเสี่ยงมะเร็ง
ผักชี (Coriander): สมุนไพรกลิ่นหอม

การนำผักชีไปใช้ในอาหาร

1. อาหารไทยที่ใช้ผักชี

  • ต้มยำ – ใส่ผักชีเพิ่มความหอม
  • น้ำพริก – ใช้รากผักชีเป็นส่วนผสม
  • ลาบ น้ำตก – ใช้ใบผักชีโรยหน้าเพิ่มรสชาติ

2. อาหารนานาชาติที่ใช้ผักชี

  • ซัลซ่า (Salsa) – ซอสเม็กซิกันที่ใช้ใบผักชี
  • แกงอินเดีย (Curry) – ใช้เมล็ดผักชีเป็นเครื่องเทศ
  • ซุปมิโสะ (Miso Soup) – ในญี่ปุ่นมีการใส่ผักชีเพื่อเพิ่มรสชาติ

3. การแปรรูปผักชี

  • น้ำมันหอมระเหยผักชี (Coriander Essential Oil) – ใช้ในอุตสาหกรรมยาและเครื่องสำอาง
  • เมล็ดผักชีบด – ใช้เป็นเครื่องเทศในอาหาร

วิธีการปลูกและดูแลผักชี

1. การเตรียมดินและแปลงปลูก

  • ดินควรเป็น ดินร่วนปนทราย ที่ระบายน้ำดี
  • ควรมีอินทรียวัตถุเพื่อช่วยบำรุงดิน

2. การปลูกผักชี

  • หว่านเมล็ดลงแปลงปลูก
  • รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง

3. การดูแลรักษา

  • ควรกำจัดวัชพืชเป็นระยะ
  • ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อช่วยให้ต้นเติบโตดี

4. การเก็บเกี่ยว

  • ผักชีสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 45-60 วัน
  • รากผักชีสามารถขุดเก็บและนำมาใช้ในอาหารได้

ข้อควรระวังในการบริโภคผักชี

  • ผู้ที่แพ้ผักชี อาจมีอาการแพ้ เช่น ผื่นคันหรือหายใจติดขัด
  • ไม่ควรบริโภคในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ

สรุป

  • ผักชีเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ใช้ทั้งในอาหารและการแพทย์
  • สามารถใช้ได้ทั้งใบ ราก และเมล็ด ในการปรุงอาหารและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
  • มีสรรพคุณช่วยขับสารพิษ เสริมภูมิคุ้มกัน และลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • เป็นพืชที่ปลูกง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

ผักชีจึงเป็นพืชที่ควรมีติดครัวไว้ เพราะนอกจากช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารแล้ว ยังช่วยบำรุงสุขภาพได้อีกด้วย!