จิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน นิยมใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารและยาสมุนไพรเพื่อบำรุงสุขภาพ มีสรรพคุณในการช่วยขับลม บำรุงเลือด และช่วยปรับสมดุลของร่างกาย อีกทั้งยังใช้เป็นเครื่องเทศเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมในอาหารหลากหลายประเภท
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ลำต้น: เป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5-1 เมตร แตกกิ่งก้านหนาแน่น
- ใบ: เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปไข่หรือรูปหอก ขอบใบหยักฟันเลื่อย มีกลิ่นหอม
- ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอดหรือซอกใบ ดอกขนาดเล็ก สีขาว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
- ผล: เป็นผลแห้ง ขนาดเล็ก เมล็ดรูปไข่ ผิวเกลี้ยง

คุณค่าทางโภชนาการของจิงจูฉ่าย
จิงจูฉ่ายอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก และแคลเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงร่างกาย
สารอาหาร | ปริมาณต่อ 100 กรัม |
---|---|
พลังงาน | 392 กิโลแคลอรี |
โปรตีน | 4.3 กรัม |
ไขมัน | 2.1 กรัม |
คาร์โบไฮเดรต | 82.1 กรัม |
ใยอาหาร | 10.2 กรัม |
สรรพคุณของจิงจูฉ่าย
- ช่วยขับลมและบรรเทาอาการแน่นท้อง
- บำรุงเลือด และกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยลดการอักเสบ
- มีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคมาลาเรีย และบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ
การนำจิงจูฉ่ายไปใช้ในอาหาร
- ต้มเลือดหมู: ใส่จิงจูฉ่ายเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม
- แกงจืด: ใช้ร่วมกับผักอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
- ผัดผักจิงจูฉ่าย: ผัดกับเนื้อสัตว์หรือเต้าหู้
- ไข่เจียวจิงจูฉ่าย: สับใบจิงจูฉ่ายผสมกับไข่แล้วทอด
- ชาจิงจูฉ่าย: นำใบมาตากแห้งแล้วชงเป็นชา
วิธีปลูกจิงจูฉ่าย
การปลูกจิงจูฉ่ายสามารถทำได้ง่ายและเหมาะสำหรับปลูกในสวนหรือกระถาง ดังนี้:
- เลือกสถานที่ปลูก: จิงจูฉ่ายเติบโตได้ดีในที่มีแสงแดดรำไรหรือแดดจัดบางส่วน และต้องการดินที่ระบายน้ำได้ดี
- เตรียมดิน: ใช้ดินร่วนซุยผสมกับปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มสารอาหาร
- การเพาะเมล็ดหรือปักชำ:
- เพาะเมล็ดในถาดเพาะกล้าโดยใช้ดินชุ่มชื้น แล้วรดน้ำให้ชุ่มทุกวันจนกว่าต้นกล้าจะโตพอปลูกลงดิน
- การปักชำใช้กิ่งที่มีความยาวประมาณ 10-15 ซม. ปักลงในดินชื้น
- การรดน้ำ: ควรรดน้ำทุกวันเช้า-เย็นในช่วงแรก หลังจากต้นโตสามารถลดความถี่ของการรดน้ำได้
- ใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2 สัปดาห์เพื่อช่วยให้ต้นเจริญเติบโตดี
- กำจัดวัชพืชและศัตรูพืช: ควรกำจัดวัชพืชรอบ ๆ ต้น และตรวจสอบศัตรูพืช เช่น เพลี้ยหรือหนอน
- เก็บเกี่ยว: จิงจูฉ่ายสามารถเก็บเกี่ยวใบเพื่อใช้เป็นอาหารได้เมื่ออายุประมาณ 45-60 วัน โดยใช้กรรไกรตัดใบแก่หรือยอดอ่อน
ข้อควรระวังในการบริโภค
- หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง: อาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์
- ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม: อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้หรือเวียนศีรษะ
- ควรล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน: เพื่อลดสารเคมีตกค้าง
จิงจูฉ่ายเป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย สามารถนำมาใช้ในอาหารเพื่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพด้วยวิถีธรรมชาติ