มะเฟือง (Averrhoa carambola) เป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากเมื่อหั่นตามขวางจะมีลักษณะเป็นรูปดาวห้าแฉก ทำให้ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Star Fruit” หรือในบางประเทศอาจเรียกว่า “Carambola” มะเฟืองเป็นผลไม้ที่มีทั้งพันธุ์หวานและพันธุ์เปรี้ยว สามารถรับประทานสด หรือใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่มได้หลายชนิด นอกจากนี้ มะเฟืองยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นแหล่งของวิตามินซีที่ดีต่อร่างกาย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะเฟือง
- ต้น: เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-10 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มโปร่ง เปลือกต้นมีสีน้ำตาลเข้ม
- ใบ: เป็นใบประกอบแบบขนนก มีสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
- ดอก: ออกเป็นช่อเล็ก ๆ สีม่วงอมชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
- ผล: มีลักษณะรีและมีสันนูนเป็นแนวยาว 5 แฉก ผิวผลเรียบและเป็นมัน
- สีของผล:
- ผลดิบมีสีเขียวอ่อน
- ผลสุกมีสีเหลืองสดใส
- รสชาติ: แบ่งเป็นสองประเภท
- พันธุ์หวาน – รสหวานอมเปรี้ยว นิยมรับประทานสด
- พันธุ์เปรี้ยว – มีรสเปรี้ยวจัด มักใช้ในการปรุงอาหารหรือทำน้ำผลไม้

สายพันธุ์มะเฟือง
- มะเฟืองพันธุ์หวาน – ผลมีขนาดใหญ่ สีเหลืองสด รสชาติหวานอมเปรี้ยว นิยมรับประทานสด
- มะเฟืองพันธุ์เปรี้ยว – ผลมีขนาดเล็กกว่า เปลือกหนากว่า รสเปรี้ยวจัด นิยมใช้ในอาหารหรือแปรรูป
แหล่งปลูกมะเฟืองในประเทศไทย
มะเฟืองเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ในทุกภาคของประเทศไทย แต่เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้นและดินร่วนซุย แหล่งปลูกหลัก ได้แก่:
- ภาคกลาง: นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี
- ภาคตะวันออก: จันทบุรี ระยอง ตราด
- ภาคเหนือ: เชียงใหม่ ลำปาง
- ภาคใต้: นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี

ฤดูกาลเก็บเกี่ยวมะเฟือง
- ออกดอก: ช่วง กันยายน – พฤศจิกายน
- ผลสุกและเก็บเกี่ยวได้: ช่วง ธันวาคม – กุมภาพันธ์
- สามารถปลูกให้มีผลผลิตนอกฤดูได้ ด้วยการควบคุมการให้น้ำและปุ๋ย
คุณค่าทางโภชนาการของมะเฟือง (ต่อ 100 กรัม)
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
พลังงาน | 31 กิโลแคลอรี |
คาร์โบไฮเดรต | 6.7 กรัม |
น้ำตาล | 3.98 กรัม |
ใยอาหาร | 2.8 กรัม |
วิตามินซี | 34.7 มิลลิกรัม |
วิตามินเอ | 61 IU |
แคลเซียม | 3 มิลลิกรัม |
ธาตุเหล็ก | 0.08 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 133 มิลลิกรัม |
มะเฟืองเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ มีไฟเบอร์สูง และเป็นแหล่งวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ประโยชน์ของมะเฟืองต่อสุขภาพ
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคหวัดและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ช่วยลดน้ำหนัก – มีไฟเบอร์สูงและพลังงานต่ำ ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ – สารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวสดใสและชะลอวัย
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด – ไฟเบอร์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ – มีโพแทสเซียมที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต

ข้อควรระวังในการบริโภคมะเฟือง
แม้ว่ามะเฟืองจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะไตเสื่อม เนื่องจาก:
- มะเฟืองมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดนิ่วในไตหากรับประทานในปริมาณมาก
- สารประกอบบางชนิดอาจมีผลกระทบต่อระบบประสาท ในผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมรุนแรง
- อาจรบกวนการทำงานของยาบางชนิด ดังนั้นผู้ที่รับประทานยาประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคมะเฟือง

การแปรรูปและการนำมะเฟืองไปใช้ประโยชน์
1. อาหารและเครื่องดื่ม
- น้ำมะเฟือง – ช่วยเพิ่มความสดชื่นและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- มะเฟืองแช่อิ่ม – เพิ่มรสหวานและสามารถเก็บได้นานขึ้น
- แยมมะเฟือง – ใช้ทำแยมสำหรับทาขนมปัง
- สลัดผลไม้ – มะเฟืองสามารถใช้เป็นส่วนผสมในสลัดผลไม้ได้
2. อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
- สารสกัดจากมะเฟืองใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและแชมพู
- สารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวกระจ่างใส
3. การใช้ในสมุนไพรพื้นบ้าน
- น้ำมะเฟืองใช้เป็นยาลดไข้และช่วยบรรเทาอาการไอ
- ใบมะเฟืองสามารถใช้เป็นยาพอกแก้อาการฟกช้ำ
ตลาดและราคามะเฟือง
- มะเฟืองเกรดพรีเมียม: ราคาประมาณ 50-120 บาทต่อกิโลกรัม
- มะเฟืองทั่วไป: ราคาประมาณ 30-80 บาทต่อกิโลกรัม
- มะเฟืองแปรรูป: ราคาขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมะเฟืองแช่แข็ง หรือแยมมะเฟือง
สรุป
มะเฟืองเป็นผลไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งรูปร่าง สีสัน และรสชาติ นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถรับประทานสดหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากคุณกำลังมองหาผลไม้ที่มีรสชาติแปลกใหม่และดีต่อสุขภาพ มะเฟืองคือทางเลือกที่น่าสนใจ!