เปปิโน เมล่อน (Pepino Melon) หรือที่เรียกกันว่า “มะเขือหวาน” เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีป อเมริกาใต้ โดยเฉพาะในประเทศเปรู โคลอมเบีย และเอกวาดอร์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum muricatum อยู่ในวงศ์เดียวกับมะเขือเทศและมันฝรั่ง
เปปิโน เมล่อนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มี รสชาติหอมหวาน ฉ่ำน้ำ คล้ายเมล่อนและแพร์ผสมกัน อีกทั้งยังอุดมไปด้วย สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ลักษณะของเปปิโน เมล่อน
- ลำต้น: เป็นพืชล้มลุกกึ่งไม้พุ่ม อายุประมาณ 2-4 ปี
- ใบ: มีลักษณะคล้ายใบมะเขือเทศ แต่มีขนาดใหญ่กว่า
- ผล: รูปร่างรีหรือกลม ขนาดเล็กถึงกลาง
- เปลือก: สีเหลืองอ่อนถึงสีครีม มีเส้นสีม่วงพาดผ่านเป็นลวดลาย
- เนื้อใน: มีสีเหลืองทอง ฉ่ำน้ำ รสหวาน คล้ายเมล่อน
- เมล็ด: ขนาดเล็กและสามารถรับประทานได้

คุณค่าทางโภชนาการของเปปิโน เมล่อน
เปปิโน เมล่อนเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ (เพียง 30-40 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม) และอุดมไปด้วย วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ ได้แก่:
- วิตามินซี (Vitamin C) – ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันหวัด
- วิตามินเอ (Vitamin A) – บำรุงสายตาและช่วยให้ผิวพรรณดูสุขภาพดี
- โพแทสเซียม (Potassium) – ควบคุมความดันโลหิต และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ไฟเบอร์สูง (Dietary Fiber) – ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ป้องกันอาการท้องผูก
- สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) – ลดการอักเสบในร่างกายและชะลอวัย
- น้ำตาลธรรมชาติ (Natural Sugars) – ให้พลังงานอย่างช้า ๆ โดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง
ประโยชน์ของเปปิโน เมล่อนต่อสุขภาพ
- ช่วยลดความดันโลหิต – โพแทสเซียมช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีสูงช่วยป้องกันการติดเชื้อ
- ช่วยบำรุงสายตา – วิตามินเอช่วยลดความเสี่ยงของโรคตา
- ช่วยระบบย่อยอาหาร – ไฟเบอร์สูงช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
- บำรุงผิวพรรณ – สารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก – พลังงานต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
- ช่วยลดการอักเสบ – สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย
การนำเปปิโน เมล่อนไปใช้ในอาหาร
เปปิโน เมล่อนสามารถรับประทานสด หรือใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มได้หลายรูปแบบ เช่น
- รับประทานสด – ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้น คล้ายเมล่อน
- ทานคู่กับโยเกิร์ต – เติมโยเกิร์ตและน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มรสชาติ
- ทำสมูทตี้ – ปั่นรวมกับผลไม้ชนิดอื่น เช่น กล้วย หรือส้ม
- ใส่ในสลัด – ใช้แทนแตงกวาหรือแตงโม เพิ่มความหวานสดชื่น
- ทำเป็นของหวาน – ใช้ทำพุดดิ้ง ไอศกรีม หรือเชื่อมในน้ำเชื่อม
- ประกอบอาหารคาว – ใช้แทนมะเขือเทศในบางเมนู เช่น ซอสซัลซ่า หรือแกง

วิธีปลูกเปปิโน เมล่อน
เปปิโน เมล่อนเป็นพืชที่ปลูกง่าย ชอบอากาศเย็นถึงอบอุ่น สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่สูง เช่น ภาคเหนือของประเทศไทย
1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้า
- ใช้เมล็ดหรือกิ่งพันธุ์ที่แข็งแรง
- แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 6-8 ชั่วโมง ก่อนเพาะ
2. การเตรียมดินและแปลงปลูก
- ใช้ดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี
- ปลูกในกระถางหรือแปลงปลูกกลางแจ้ง
3. การดูแลรักษา
- รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มสารอาหารให้ต้น
- ควบคุมศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้งและแมลงกินใบ
4. การเก็บเกี่ยว
- ใช้เวลา 60-90 วัน หลังปลูก
- ผลสุกจะมีสีเหลืองทองและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ

เปปิโน เมล่อนเหมาะกับใคร?
✅ ผู้ที่รักสุขภาพและต้องการอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
✅ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก – เพราะเป็นผลไม้แคลอรีต่ำ
✅ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง – โพแทสเซียมช่วยปรับสมดุล
✅ ผู้ที่ต้องการปลูกพืชทางเลือกที่มีมูลค่าสูง – เปปิโน เมล่อนเป็นที่ต้องการในตลาด
เปรียบเทียบ เปปิโน เมล่อน กับผลไม้ชนิดอื่น
คุณสมบัติ | เปปิโน เมล่อน | เมล่อน | แตงโม | มะเขือเทศ |
---|---|---|---|---|
สีของเปลือก | เหลืองครีม + ลายม่วง | เขียว/เหลือง | เขียวเข้ม | แดง/เขียว |
รสชาติ | หวานอ่อน ๆ คล้ายแตงไทย | หวาน | หวานฉ่ำ | หวานอมเปรี้ยว |
ไฟเบอร์สูง | ✅ | ✅ | ❌ | ✅ |
แคลอรีต่ำ | ✅ | ✅ | ❌ | ✅ |
สารต้านอนุมูลอิสระ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
สรุป
เปปิโน เมล่อน (Pepino Melon) เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอ่อน ๆ ฉ่ำน้ำ คล้ายเมล่อนและแตงไทย อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ และโพแทสเซียม ช่วยบำรุงสุขภาพ ลดความดัน และเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ
สามารถนำไปใช้ในอาหารได้หลากหลาย ทั้งทานสด ทำสมูทตี้ หรือใส่ในสลัด นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว และมีมูลค่าทางการตลาดสูง