มะยงชิด (Bouea macrophylla) ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Sweet Marian Plum หรือ Sweet Gandaria เป็นผลไม้เมืองร้อนที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน มะยงชิดมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นมะปราง เนื่องจากมีลักษณะภายนอกคล้ายกัน อย่างไรก็ตาม มะยงชิดมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวและมีเนื้อฉ่ำกว่า จึงได้รับความนิยมมากกว่า มะยงชิดไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ทางโภชนาการและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายอีกด้วย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะยงชิด
- ต้น: เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงประมาณ 15-25 เมตร มีลำต้นแข็งแรง เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้ม แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มแน่น
- ใบ: เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกันตามกิ่ง รูปไข่หรือรูปรี ปลายแหลม มีสีเขียวเข้มและผิวมัน
- ดอก: ออกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่ง มีสีเหลืองอ่อนหรือสีครีม มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
- ผล: มีลักษณะรีหรือทรงไข่ เปลือกบาง ผลดิบมีสีเขียว และเมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองถึงสีส้ม
- เนื้อผล: มีสีเหลืองสด เนื้อฉ่ำ รสชาติหวานอมเปรี้ยว ไม่มียางเหมือนมะปราง
- เมล็ด: มีลักษณะแบนรี สีม่วงเข้มและมีขนาดเล็กกว่ามะปราง
ความแตกต่างระหว่างมะยงชิดและมะปราง
- ขนาดผล: มะยงชิดมีขนาดใหญ่กว่ามะปราง
- สีของเปลือก: มะยงชิดมีสีเหลืองอมส้ม ในขณะที่มะปรางมักมีสีเหลืองอ่อน
- รสชาติ: มะยงชิดมีรสหวานอมเปรี้ยวและเนื้อฉ่ำ ส่วนมะปรางมีรสหวานหรือหวานจืด
- เมล็ด: มะยงชิดมีเมล็ดเล็กและไม่มียาง ขณะที่มะปรางบางพันธุ์อาจมีเมล็ดใหญ่และมียางที่อาจทำให้เกิดอาการระคายคอ
แหล่งปลูกมะยงชิดในประเทศไทย
มะยงชิดเป็นผลไม้ที่ต้องการสภาพอากาศร้อนชื้นและดินที่อุดมสมบูรณ์ แหล่งปลูกที่สำคัญในประเทศไทย ได้แก่:
- จังหวัดนครนายก – แหล่งปลูกมะยงชิดที่มีชื่อเสียงที่สุด มะยงชิดจากนครนายกมีรสหวานอมเปรี้ยวและเนื้อแน่น
- จังหวัดปราจีนบุรี – ผลผลิตคุณภาพดี มีขนาดใหญ่และเนื้อฉ่ำ
- จังหวัดจันทบุรีและระยอง – แหล่งปลูกใหม่ที่กำลังพัฒนาการปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิต
- จังหวัดราชบุรี – ผลผลิตเนื้อหวานและมีกลิ่นหอม
ฤดูกาลเก็บเกี่ยวมะยงชิด
- ออกดอก: ช่วง พฤศจิกายน – ธันวาคม
- ผลสุกและเก็บเกี่ยวได้: ช่วง มีนาคม – พฤษภาคม
- ราคาสูงสุดในตลาด: ช่วงต้นฤดูกาล (มีนาคม) ราคามักสูงกว่าช่วงปลายฤดูกาล
คุณค่าทางโภชนาการของมะยงชิด (ต่อ 100 กรัม)
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
พลังงาน | 57 กิโลแคลอรี |
คาร์โบไฮเดรต | 13 กรัม |
น้ำตาล | 10 กรัม |
ใยอาหาร | 1.5 กรัม |
วิตามินซี | 30 มิลลิกรัม |
วิตามินเอ | 450 IU |
แคลเซียม | 10 มิลลิกรัม |
ธาตุเหล็ก | 0.3 มิลลิกรัม |
มะยงชิดอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
ประโยชน์ของมะยงชิดต่อสุขภาพ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคหวัดและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- บำรุงสายตา – มีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนที่ช่วยให้ดวงตาสดใสและลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับสายตา
- ช่วยระบบขับถ่าย – ใยอาหารช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและป้องกันอาการท้องผูก
- ต้านอนุมูลอิสระ – ช่วยชะลอวัยและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
- ลดระดับคอเลสเตอรอล – มีสารอาหารที่ช่วยลดไขมันในเลือด
การแปรรูปและการนำมะยงชิดไปใช้ประโยชน์
1. อาหารและขนมหวาน
- มะยงชิดลอยแก้ว – เมนูขนมไทยยอดนิยม
- น้ำมะยงชิด – แปรรูปเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
- มะยงชิดแช่อิ่ม – ทำให้ผลไม้มีรสหวานขึ้น
- ไอศกรีมมะยงชิด – เพิ่มรสชาติแปลกใหม่ให้กับของหวาน
2. อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
- สารสกัดจากมะยงชิดใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
3. ยาสมุนไพร
- เปลือกต้นใช้เป็นยาแก้ไข้และบรรเทาอาการอักเสบ
- เมล็ดสามารถนำไปใช้สกัดน้ำมันสำหรับดูแลผิว
ตลาดและราคามะยงชิด
- มะยงชิดเกรดพรีเมียม: ราคาประมาณ 500-1,000 บาทต่อกิโลกรัม
- มะยงชิดทั่วไป: ราคาประมาณ 200-400 บาทต่อกิโลกรัม
- ราคาสูงสุด: พบในช่วงต้นฤดูกาล (มีนาคม)
สรุป
มะยงชิดเป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง นอกจากการรับประทานสดแล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดทั้งในและต่างประเทศ มะยงชิดจึงเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย หากคุณกำลังมองหาผลไม้ที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ มะยงชิดคือผลไม้ที่คุณไม่ควรพลาด!