ตะคร้อ (Ceylon Oak)

ตะคร้อ (Schleichera oleosa) ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Ceylon Oak” หรือ “Lac Tree” เป็นไม้ยืนต้นพื้นเมืองของไทยและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะคร้อเป็นพืชที่มีความสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ผลของตะคร้อสามารถรับประทานได้ และมีรสเปรี้ยวอมฝาดที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ต้นตะคร้อยังเป็นไม้เนื้อแข็งที่สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมไม้และเชื้อเพลิงได้ดี


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของตะคร้อ

  • ต้น: เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้ถึง 10-25 เมตร บางต้นอาจสูงถึง 40 เมตร ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาลอมเทาและแตกเป็นสะเก็ดหนา
  • ใบ: เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงสลับตามกิ่ง ใบย่อยมีลักษณะรูปรีหรือรูปไข่กลับ ขนาดยาว 4.5-25 เซนติเมตร ผิวใบเรียบเป็นมัน
  • ดอก: ดอกมีสีเหลืองอมเขียว ออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่งในช่วง เดือนมีนาคม-เมษายน
  • ผล: มีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ เปลือกหนาคล้ายแผ่นหนัง ผลดิบมีสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็น สีน้ำตาล เมื่อสุก
  • เนื้อผล: มีสีเหลืองส้ม รสชาติเปรี้ยวอมฝาด และมีเมล็ดเดียวอยู่ภายใน
ตะคร้อ (Ceylon Oak)

แหล่งที่พบและการกระจายพันธุ์

ตะคร้อเป็นไม้ที่พบได้ในหลายประเทศของเอเชีย เช่น ไทย พม่า ลาว กัมพูชา อินเดีย และเวียดนาม โดยในประเทศไทยพบมากในป่าผลัดใบ ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ยกเว้นในพื้นที่ภาคใต้ที่ไม่ค่อยพบต้นตะคร้อ

  • ภาคเหนือ: พบได้ทั่วไปในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และน่าน
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: มีมากในจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และขอนแก่น
  • ภาคกลาง: พบได้ในจังหวัดนครสวรรค์ และสุพรรณบุรี
  • ภาคตะวันออก: พบในจังหวัดจันทบุรี และปราจีนบุรี

ฤดูกาลออกผล

  • ตะคร้อออกดอกในช่วง เดือนมีนาคม – เมษายน
  • ผลสุกในช่วง เดือนมิถุนายน – สิงหาคม

การใช้ประโยชน์ของตะคร้อ

1. การบริโภคผลตะคร้อ

  • ผลดิบ – รสเปรี้ยวจัด นิยมนำไปปรุงอาหาร เช่น น้ำพริก ต้มยำ หรือเป็นเครื่องเคียงกับอาหารรสจัด
  • ผลสุก – มีรสเปรี้ยวอมหวาน สามารถรับประทานสด หรือใช้ทำเครื่องดื่มและขนมได้
  • น้ำตะคร้อ – นิยมใช้ทำเป็นน้ำผลไม้พื้นบ้าน โดยนำผลสุกมาคั้นน้ำ เติมเกลือและน้ำตาลเพื่อให้รสชาตินุ่มนวลขึ้น

2. สมุนไพรและสรรพคุณทางยา

  • เปลือกต้น – ใช้เป็นยาสมานแผล ช่วยรักษาอาการท้องร่วงและบิด
  • เนื้อผล – มีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยแก้ไอ แก้อาการร้อนใน
  • ใบอ่อน – ใช้เป็นยาขับพยาธิและช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย
  • เมล็ด – สกัดน้ำมันเพื่อใช้เป็นน้ำมันนวดบำรุงผิว และรักษาโรคผิวหนังบางชนิด

3. การใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม

  • ไม้ตะคร้อ – เป็นไม้เนื้อแข็ง ทนทาน ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ พื้นบ้าน เสาเรือน และเครื่องมือเกษตร
  • ฟืนและถ่าน – ต้นตะคร้อสามารถใช้เป็นฟืนและถ่านที่ให้พลังงานความร้อนสูง
  • น้ำมันจากเมล็ด – นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมสบู่และเครื่องสำอาง

คุณค่าทางโภชนาการของผลตะคร้อ (ต่อ 100 กรัม)

สารอาหารปริมาณ
พลังงาน50-70 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต10-15 กรัม
น้ำตาลธรรมชาติ8-12 กรัม
วิตามินซี15-30 มิลลิกรัม
ใยอาหาร2-5 กรัม
แคลเซียม10-20 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก0.5-1.5 มิลลิกรัม

การอนุรักษ์และสถานะทางนิเวศวิทยา

แม้ว่าตะคร้อจะเป็นไม้ที่พบได้ทั่วไปในป่าของไทย แต่ในบางพื้นที่มีแนวโน้มลดจำนวนลงเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรม และการใช้ต้นตะคร้อเป็นเชื้อเพลิง ดังนั้น การปลูกและอนุรักษ์ต้นตะคร้อจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ


สรุป

ตะคร้อเป็นพืชพื้นเมืองของไทยที่มีความสำคัญทั้งทางอาหาร สมุนไพร และอุตสาหกรรม ผลของตะคร้อสามารถรับประทานได้ มีรสเปรี้ยวอมหวาน และอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ต้นตะคร้อเป็นไม้เนื้อแข็งที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในงานก่อสร้างและพลังงานทดแทนได้ นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการต่าง ๆ ได้ดี ดังนั้น การอนุรักษ์และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากตะคร้อจึงเป็นแนวทางที่ควรได้รับการสนับสนุนในอนาคต