บัตเตอร์นัตสควอช (Butternut Squash) เป็นพืชในตระกูลฟักทอง (Cucurbita moschata) ที่มีลักษณะผลทรงกระบอกเรียวยาว ผิวเรียบสีเหลืองนวล และเนื้อในสีส้มสดใส รสชาติหวานมันคล้ายฟักทองทั่วไปแต่เนื้อแน่นละเอียดกว่า ฟักทองชนิดนี้ได้รับความนิยมในการนำไปปรุงอาหารทั้งในรูปแบบอาหารคาวและอาหารหวาน โดยเฉพาะในอาหารยุโรปและอเมริกา เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อสุขภาพ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Cucurbita moschata
- วงศ์: Cucurbitaceae (วงศ์เดียวกับฟักทองและแตงกวา)
- ลำต้น: เป็นเถาเลื้อยหรือพุ่มเตี้ย สามารถเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อน
- ใบ: ขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม มีขนปกคลุม
- ดอก: สีเหลืองสด ออกดอกแยกเพศบนต้นเดียวกัน
- ผล: รูปทรงกระบอกเรียวยาว ส่วนปลายมีลักษณะกลมรี ผิวเรียบเนียน สีเหลืองอ่อนถึงสีเหลืองเข้ม
- เนื้อ: สีส้มสด รสหวาน เนื้อแน่นและละเอียด
- เมล็ด: ขนาดเล็ก รูปไข่ สีขาวครีม อยู่บริเวณส่วนล่างของผล

คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 100 กรัม)
- พลังงาน: 45 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 11.69 กรัม
- โปรตีน: 1 กรัม
- ไขมัน: 0.1 กรัม
- ใยอาหาร: 2 กรัม
- วิตามินเอ: 10630 IU (ช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง)
- วิตามินซี: 21 มิลลิกรัม (เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน)
- โพแทสเซียม: 352 มิลลิกรัม (ช่วยควบคุมความดันโลหิต)
- แคลเซียม: 48 มิลลิกรัม (ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน)
- แมกนีเซียม: 34 มิลลิกรัม (ช่วยบำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อ)
ประโยชน์ของบัตเตอร์นัตสควอช
- ช่วยบำรุงสายตา – มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาเสื่อมและป้องกันต้อกระจก
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และลดความเสี่ยงของโรคหวัด
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก – แคลอรี่ต่ำ ไขมันต่ำ และมีใยอาหารสูง ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น
- บำรุงหัวใจและลดความดันโลหิต – มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิต
- ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย – ใยอาหารช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
- เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง – มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
- ช่วยลดการอักเสบ – สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคเรื้อรัง
วิธีนำบัตเตอร์นัตสควอชไปใช้ในอาหาร
- อบ – หั่นเป็นชิ้นแล้วอบในเตาอบจนเนื้อนุ่ม สามารถรับประทานเป็นของว่างหรือใช้เป็นเครื่องเคียง
- ซุปครีม – ปั่นเนื้อบัตเตอร์นัตสควอชกับน้ำซุปและครีมเพื่อทำซุปเนื้อเนียน
- ผัด – หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วผัดกับผักอื่น ๆ หรือเนื้อสัตว์
- ย่าง – ย่างบนเตาและเสิร์ฟพร้อมน้ำมันมะกอกและเครื่องเทศ
- พาสต้า – นำไปทำซอสพาสต้าแทนซอสมะเขือเทศ หรือทำเป็นเส้นพาสต้าสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ
- ของหวาน – สามารถนำไปทำเค้ก มัฟฟิน หรือพายได้

วิธีปลูกและดูแลบัตเตอร์นัตสควอช
- การเลือกดิน – ใช้ดินร่วนซุยที่ระบายน้ำดี ค่า pH 6.0-7.5
- แสงแดด – ต้องการแสงแดดเต็มวัน วันละ 6-8 ชั่วโมง
- การรดน้ำ – ควรรดน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรให้ดินแฉะเกินไป
- การใส่ปุ๋ย – ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยมูลไส้เดือนเพื่อเสริมธาตุอาหาร
- การผสมเกสร – บัตเตอร์นัตสควอชต้องอาศัยแมลงผสมเกสร หากแมลงน้อยควรช่วยผสมเกสรด้วยมือ
- การป้องกันโรคและแมลง – ควรป้องกันโรคราน้ำค้าง เพลี้ยไฟ และแมลงศัตรูพืช
- การเก็บเกี่ยว – สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 90-120 วัน หรือเมื่อเปลือกแข็งและขั้วเริ่มแห้ง
การเก็บรักษาบัตเตอร์นัตสควอช
- เก็บในที่แห้งและเย็น – สามารถเก็บไว้ได้นาน 1-2 เดือน
- แช่เย็น – หากหั่นแล้ว ควรเก็บในตู้เย็นและใช้ให้หมดภายใน 1 สัปดาห์
- แช่แข็ง – ปั่นเนื้อแล้วแช่แข็งเพื่อใช้ทำซุปหรือขนมในอนาคต
- การอบแห้ง – ทำให้เนื้อฟักทองแห้งเพื่อนำไปใช้ปรุงอาหารได้นานขึ้น
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรรับประทานดิบ – ควรผ่านความร้อนก่อนรับประทานเพื่อให้เนื้อหวานและย่อยง่ายขึ้น
- ควรล้างให้สะอาดก่อนนำไปประกอบอาหาร – เพื่อลดสารเคมีตกค้าง
- ผู้ที่แพ้พืชตระกูลฟักทองควรหลีกเลี่ยง – อาจทำให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนังหรือระบบทางเดินอาหาร
สรุป
บัตเตอร์นัตสควอช (Butternut Squash) เป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง รสชาติหวานมัน และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งในอาหารคาวและหวาน การปลูกและดูแลรักษาทำได้ง่ายและให้ผลผลิตดีในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ฟักทองชนิดนี้ไม่เพียงแต่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารได้อีกด้วย