โหระพา (Thai basil)

โหระพา (Ocimum basilicum) หรือที่รู้จักในภาษาอังกฤษว่า “Thai Basil” เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในวงศ์เดียวกับกะเพราและแมงลัก นิยมใช้เป็นเครื่องเทศในอาหารไทยและอาหารนานาชาติ นอกจากจะให้กลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย จึงเป็นพืชที่ได้รับความนิยมทั้งในด้านอาหารและสมุนไพรบำรุงสุขภาพ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของโหระพา

  • ลำต้น: เป็นพืชล้มลุก มีอายุประมาณ 1 ปี สูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ลำต้นมีสีเขียวหรือม่วงแดงเล็กน้อย และมีขนปกคลุม
  • ใบ: เป็นใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่ ขอบใบเรียบหรือหยักเล็กน้อย ใบสีเขียวเข้ม มีความมันเงาและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
  • ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวหรือสีม่วงอ่อน เรียงเป็นชั้นคล้ายฉัตร
  • เมล็ด: มีขนาดเล็ก สีน้ำตาลเข้ม เมื่อแช่น้ำจะพองตัวคล้ายเมล็ดแมงลัก
โหระพา (Thai basil)

ชนิดของโหระพา

โหระพามีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมใช้ในไทย ได้แก่:

  • โหระพาไทย (Thai Basil) – มีกลิ่นหอมแรง นิยมใช้ในอาหารไทย เช่น แกงเขียวหวาน ผัดโหระพา
  • โหระพาฝรั่ง (Sweet Basil) – มีกลิ่นหอมหวาน นิยมใช้ในอาหารอิตาเลียน เช่น พาสต้าและซอสเพสโต้
  • โหระพาม่วง (Purple Basil) – มีใบสีม่วงเข้ม นิยมใช้ในสลัดและอาหารยุโรป

คุณค่าทางโภชนาการของโหระพา (ต่อ 100 กรัม)

สารอาหารปริมาณ
พลังงาน40 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต8 กรัม
โปรตีน3 กรัม
ไขมัน0.5 กรัม
ใยอาหาร2 กรัม
วิตามินเอ400 ไมโครกรัม
วิตามินซี18 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก3.1 มิลลิกรัม
แคลเซียม160 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส55 มิลลิกรัม

สรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพ

โหระพาเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์หลายด้าน ได้แก่:

  • ช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • กระตุ้นการย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
  • ลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  • ลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยลดไขมันในเลือด
  • ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง
  • บรรเทาอาการไอ เจ็บคอ และช่วยขับเสมหะ
  • ช่วยลดความเครียด และบรรเทาอาการอ่อนเพลีย

วิธีปลูกโหระพาให้เจริญเติบโตดี

โหระพาเป็นพืชที่ปลูกง่ายและเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี มีแสงแดดเพียงพอ

1. วิธีการปลูก

  • ปลูกจากเมล็ด: หว่านเมล็ดลงในแปลงเพาะต้นกล้า รดน้ำสม่ำเสมอประมาณ 7-10 วันจะเริ่มงอก
  • ปลูกจากกิ่งชำ: นำกิ่งที่มีรากติดมาปักลงในดินที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ดินชุ่มชื้น

2. การดูแลรักษา

  • รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น แต่ต้องระวังไม่ให้ดินแฉะเกินไป
  • ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกทุก 2 สัปดาห์ เพื่อบำรุงดินและช่วยให้ต้นโตเร็ว
  • ตัดแต่งกิ่ง เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและให้ต้นแตกยอดมากขึ้น
  • ป้องกันแมลงศัตรูพืช โดยใช้สารชีวภาพ เช่น น้ำส้มควันไม้ หรือสารสกัดจากสะเดา

การนำโหระพาไปใช้ในอาหาร

โหระพาเป็นเครื่องเทศที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอาหารหลายประเภท เช่น:

  • แกงเขียวหวาน – ใช้ใบโหระพาเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ
  • ผัดโหระพา – ใช้ผัดกับเนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ กุ้ง
  • แกงเผ็ด – ใส่ใบโหระพาเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นขึ้น
  • ซุปและต้มยำ – ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับน้ำซุป
  • สลัดและพาสต้า – ใช้ใบสดใส่ในอาหารอิตาเลียน เช่น พาสต้าและเพสโต้

ข้อควรระวังในการบริโภคโหระพา

แม้ว่าโหระพาจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม

  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาจมีผลต่อฮอร์โมน
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต ควรระวัง เนื่องจากโหระพามีโพแทสเซียมสูง
  • ผู้ที่รับประทานยาลดน้ำตาลในเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะโหระพามีฤทธิ์ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อาจเสริมฤทธิ์ของยาได้

สรุป

โหระพาเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาสูง สามารถปลูกได้ง่ายและเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารไทยหลากหลายเมนู นอกจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น การช่วยย่อยอาหาร ลดระดับน้ำตาลในเลือด และบรรเทาอาการหวัด การปลูกโหระพาไว้ใช้ในครัวเรือนจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้ชีวิตแบบสุขภาพดีและยั่งยืน