มะเขือเทศสีดา (Lycopersicon esculentum Mill.) เป็นมะเขือเทศพันธุ์พื้นเมืองของไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในครัวไทย เนื่องจากมีขนาดเล็ก รูปทรงรี เนื้อแน่น และรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เหมาะสำหรับใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารหลากหลายเมนู เช่น ส้มตำ ยำ และต้มยำ นอกจากนี้ มะเขือเทศสีดายังเป็นแหล่งของสารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามินซี ไลโคปีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคได้ดี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับลักษณะของมะเขือเทศสีดา วิธีการปลูก การดูแลรักษา ประโยชน์ และวิธีการนำไปใช้ในอาหารไทย
ลักษณะของมะเขือเทศสีดา
- ต้นและใบ
- มะเขือเทศสีดาเป็นพืชล้มลุก ลำต้นกึ่งเลื้อย สูงประมาณ 70-80 เซนติเมตร
- ใบมีลักษณะเป็นใบประกอบ ขอบใบหยักเว้า สีเขียวเข้ม มีขนอ่อนปกคลุม
- ดอก
- ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีสีเหลืองสดใส กลีบดอกบาง
- ผล
- ผลมีลักษณะรีหรือรูปไข่กลับ ขนาด 3-5 เซนติเมตร
- เปลือกบาง สีขาวอมเขียวเมื่ออ่อน และเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพูเมื่อสุก
- เนื้อแน่น มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอมสดชื่น
- เมล็ด
- มีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ฝังอยู่ในเนื้อผล

วิธีการปลูกมะเขือเทศสีดา
- การเตรียมดิน
- ควรปลูกในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี
- พรวนดินและใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มธาตุอาหาร
- การเพาะเมล็ด
- หยอดเมล็ดลงในถาดเพาะกล้า หรือเพาะโดยตรงในแปลงปลูก
- ใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก
- การย้ายกล้า
- เมื่อกล้ามีใบจริง 4-6 ใบ สามารถย้ายลงปลูกในแปลงได้
- ควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 40-50 เซนติเมตร
- การดูแลรักษา
- การให้น้ำ: ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้งในช่วงเช้าและเย็น
- การให้ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 ทุก 2 สัปดาห์
- การตัดแต่งกิ่ง: ควรตัดแต่งใบที่หนาทึบออกเพื่อให้การระบายอากาศดีขึ้น
- การป้องกันโรคและแมลง: เฝ้าระวังโรคใบไหม้ เพลี้ยไฟ และหนอนเจาะผล ใช้วิธีธรรมชาติหรือชีวภัณฑ์ควบคุม
การเก็บเกี่ยวและการแปรรูป
- การเก็บเกี่ยว
- มะเขือเทศสีดาสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 60-75 วันหลังปลูก
- ควรเก็บเกี่ยวเมื่อผลเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพู ใช้กรรไกรตัดเพื่อป้องกันความเสียหาย
- การแปรรูป
- ซอสมะเขือเทศ: นำมะเขือเทศสีดาไปบดและเคี่ยวเพื่อทำซอส
- น้ำมะเขือเทศสด: คั้นเป็นน้ำเพื่อดื่มเพื่อสุขภาพ
- มะเขือเทศอบแห้ง: ใช้สำหรับทำอาหารหรือเป็นของว่าง
- มะเขือเทศดอง: เพิ่มรสชาติและยืดอายุการเก็บรักษา
ประโยชน์ของมะเขือเทศสีดา
- อุดมไปด้วยวิตามิน C และ A – ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสายตา
- มีสารไลโคปีนสูง – ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ – วิตามิน C และไลโคปีนช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง
- เสริมสร้างระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น
- ช่วยลดความดันโลหิต – มีโพแทสเซียมสูงช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
การนำมะเขือเทศสีดาไปใช้ในอาหารไทย
มะเขือเทศสีดามีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในอาหารไทยหลากหลายเมนู เช่น:
- ส้มตำ – ใช้มะเขือเทศสีดาเพิ่มรสเปรี้ยวและสีสันให้ส้มตำ
- ต้มยำ – เพิ่มความเปรี้ยวสดชื่นให้กับน้ำซุป
- น้ำพริก – นำไปตำหรือต้มเพื่อเพิ่มรสชาติในน้ำพริก
- ผัดเปรี้ยวหวาน – ใช้ในเมนูผัดเพื่อเพิ่มความกลมกล่อม
- สลัดไทย – ผสมในสลัดเพื่อเพิ่มรสชาติสดชื่น
ข้อควรระวังในการบริโภคมะเขือเทศสีดา
- ผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนควรระวัง เนื่องจากมะเขือเทศมีกรดสูง อาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- ควรล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน เพื่อลดสารเคมีตกค้าง
- บริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด
สรุป
มะเขือเทศสีดาเป็นมะเขือเทศพันธุ์พื้นเมืองของไทยที่มีรสชาติอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายทั้งในอาหารไทยและการแปรรูป นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณทางสุขภาพที่ดีต่อร่างกาย การปลูกและดูแลรักษาง่าย ทำให้เป็นพืชที่เหมาะสำหรับปลูกเพื่อบริโภคเองหรือเพื่อการค้า