เชอรี่กาแฟ (Coffee Cherry)

กาแฟโรบัสต้า (Coffea canephora) เป็นหนึ่งในสองสายพันธุ์หลักของกาแฟที่มีการปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีลักษณะเด่นคือรสชาติที่เข้มข้น ขม และปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟอาราบิก้า (Arabica) กาแฟโรบัสต้าคิดเป็นประมาณ 40% ของการผลิตกาแฟโลก และมักถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในกาแฟสำเร็จรูป กาแฟกระป๋อง และกาแฟเอสเพรสโซที่ต้องการความเข้มข้นพิเศษ


ลักษณะของกาแฟโรบัสต้า

  1. ลักษณะเมล็ด
    • เมล็ดกาแฟโรบัสต้ามีรูปร่างกลม ขนาดเล็กกว่ากาแฟอาราบิก้า
    • เส้นกลางเมล็ดเป็นเส้นตรง แตกต่างจากอาราบิก้าที่เป็นเส้นโค้ง
    • มีความหนาแน่นของเมล็ดสูงและมีโครงสร้างที่แข็งแรง
  2. รสชาติและกลิ่น
    • รสชาติเข้มข้นและขม มีความหนักแน่นในเนื้อกาแฟ
    • มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ คล้ายดิน คั่วถ่าน หรือโกโก้
    • มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟอาราบิก้าถึง 2 เท่า ทำให้มีรสขมมากกว่า
    • มีปริมาณน้ำตาลและไขมันต่ำกว่ากาแฟอาราบิก้า ทำให้รสชาตินุ่มนวลน้อยกว่า

การปลูกและการดูแลรักษา

กาแฟโรบัสต้าเป็นสายพันธุ์ที่มีความทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชสูงกว่ากาแฟอาราบิก้า จึงสามารถปลูกได้ง่ายและให้ผลผลิตสูง เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในเขตร้อนชื้น

  • สภาพอากาศที่เหมาะสม: เติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น ที่ระดับความสูงระหว่าง 200-800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ 24-30°C
  • ดิน: ควรเป็นดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี มีความเป็นกรด-ด่าง (pH) ระหว่าง 5.5-6.5
  • การให้น้ำ: ต้องการน้ำปริมาณมาก โดยเฉพาะในช่วงออกดอกและติดผล
  • การเก็บเกี่ยว: ใช้เวลา 9-11 เดือนหลังจากดอกบาน ผลจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อสุกเต็มที่

ในประเทศไทย แหล่งปลูกกาแฟโรบัสต้าที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และระนอง ซึ่งมีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชชนิดนี้


ข้อดีและข้อเสียของกาแฟโรบัสต้า

ข้อดี:

  • ทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช: ปริมาณคาเฟอีนสูงช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืช ทำให้ใช้สารเคมีน้อยกว่ากาแฟอาราบิก้า
  • ให้ผลผลิตสูง: ต้นกาแฟโรบัสต้าสามารถให้ผลผลิตมากกว่าต้นกาแฟอาราบิก้าในสภาพอากาศเดียวกัน
  • มีต้นทุนการปลูกต่ำ: เนื่องจากทนทานและต้องการการดูแลรักษาน้อยกว่า
  • ให้รสชาติเข้มข้น: เหมาะสำหรับการทำกาแฟเอสเพรสโซและกาแฟสำเร็จรูปที่ต้องการรสขมและความเข้มข้นสูง

ข้อเสีย:

  • รสชาติเข้มและขมกว่าอาราบิก้า: ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบกาแฟรสนุ่มนวลและซับซ้อน
  • ปริมาณน้ำตาลและไขมันต่ำ: ทำให้มีความกลมกล่อมน้อยกว่ากาแฟอาราบิก้า
  • อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน: เนื่องจากมีคาเฟอีนสูง ทำให้กระตุ้นระบบประสาทมากขึ้น

การนำไปใช้และกระบวนการแปรรูป

กาแฟโรบัสต้ามีการนำไปใช้หลากหลายรูปแบบ ดังนี้:

  • กาแฟสำเร็จรูป (Instant Coffee): ด้วยความเข้มข้นของรสชาติและต้นทุนที่ต่ำ กาแฟโรบัสต้าจึงเป็นวัตถุดิบหลักของกาแฟสำเร็จรูปที่วางจำหน่ายทั่วไป
  • กาแฟเอสเพรสโซ (Espresso): มักถูกนำไปใช้ร่วมกับกาแฟอาราบิก้าในส่วนผสมของเอสเพรสโซ เพื่อเพิ่มครีม่า (Crema) และความเข้มข้น
  • กาแฟคั่วบด (Ground Coffee): สามารถใช้ชงกาแฟในรูปแบบต่างๆ เช่น กาแฟดำ หรือกาแฟเย็น

ความแตกต่างระหว่างกาแฟโรบัสต้าและกาแฟอาราบิก้า

คุณสมบัติโรบัสต้า (Robusta)อาราบิก้า (Arabica)
รูปทรงเมล็ดกลม เส้นกลางตรงรี เส้นกลางโค้ง
รสชาติเข้มข้น ขม คล้ายดินนุ่มนวล หวานอมเปรี้ยว หอมผลไม้
ปริมาณคาเฟอีนสูง (2-4%)ต่ำกว่า (1-2%)
น้ำตาลและไขมันน้อยกว่ามากกว่า
สภาพอากาศที่เหมาะสมร้อนชื้น ระดับต่ำอากาศเย็น สูงกว่า 800 ม.
ความทนทานต่อโรคสูงต่ำ

สรุป กาแฟโรบัสต้าเป็นกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นและปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟอาราบิก้า ทำให้เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมกาแฟสำเร็จรูปและกาแฟเอสเพรสโซ นอกจากนี้ ยังเป็นพืชที่ทนทานและให้ผลผลิตสูง จึงเป็นที่นิยมในหมู่เกษตรกร อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ชื่นชอบกาแฟรสนุ่มละมุนอาจต้องการผสมกาแฟโรบัสต้ากับอาราบิก้าเพื่อให้ได้รสชาติที่สมดุลมากขึ้น

หากคุณเป็นคนที่ชอบกาแฟรสเข้มและขม กาแฟโรบัสต้าคือทางเลือกที่น่าสนใจ และยังเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมกาแฟทั่วโลกอีกด้วย