มะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato)

มะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato)

มะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato) เป็นมะเขือเทศเชอร์รี่พันธุ์ดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี มีลักษณะเด่นคือผลขนาดเล็ก ออกเป็นพวงคล้ายองุ่น รสหวานอมเปรี้ยว และกลิ่นหอมเฉพาะตัว ชื่อ “Riesentraube” ในภาษาเยอรมันหมายถึง “องุ่นยักษ์” ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะของผลที่ออกเป็นพวงขนาดใหญ่ มะเขือเทศสายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับรับประทานสด ใช้ในสลัด หรือใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเมดิเตอร์เรเนียนและอาหารยุโรปหลายชนิด นอกจากนี้ ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน C ไลโคปีน และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ บทความนี้จะกล่าวถึงลักษณะของมะเขือเทศพวงองุ่น วิธีการปลูก การดูแลรักษา ประโยชน์ และการนำไปใช้ในอาหาร


ลักษณะของมะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato)

  1. ต้นและใบ
    • เป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตแบบไม่จำกัด (Indeterminate) ต้นสูง แข็งแรง และแตกกิ่งก้านมาก
    • ใบสีเขียวเข้ม ขอบใบหยักลึก ผิวใบมีขนอ่อนคลุมเล็กน้อย
  2. ดอก
    • ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกมีสีเหลืองสดใส และเป็นดอกสมบูรณ์เพศที่สามารถผสมเกสรได้ด้วยตนเอง
  3. ผล
    • ผลมีลักษณะกลมหรือรี ขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-3 เซนติเมตร
    • ออกเป็นพวงคล้ายองุ่น พวงหนึ่งอาจมีผลตั้งแต่ 10-30 ลูก
    • เปลือกบาง แต่เหนียว ทนต่อการขนส่งและการเก็บรักษา
    • สีของผลเปลี่ยนจากสีเขียวอ่อนเป็นสีแดงสดเมื่อสุก
    • เนื้อแน่น ฉ่ำน้ำ รสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
  4. เมล็ด
    • มีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ฝังอยู่ในเนื้อผล
มะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato)

วิธีการปลูกมะเขือเทศพวงองุ่น

  1. การเตรียมดิน
    • ควรปลูกในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี
    • พรวนดินและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มธาตุอาหาร
  2. การเพาะเมล็ด
    • หยอดเมล็ดลงในถาดเพาะกล้า หรือเพาะโดยตรงในแปลงปลูก
    • ใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก
  3. การย้ายกล้า
    • เมื่อกล้ามีใบจริง 4-6 ใบ สามารถย้ายลงปลูกในแปลงหรือกระถางขนาดใหญ่ได้
    • ควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50-60 เซนติเมตร เพื่อให้ต้นมีพื้นที่เติบโตอย่างเต็มที่
  4. การดูแลรักษา
    • การให้น้ำ: ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้งในช่วงเช้าและเย็น
    • การให้ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 ทุก 2 สัปดาห์
    • การค้ำยันต้น: เนื่องจากต้นสามารถสูงได้ถึง 2 เมตร ควรใช้ไม้ค้ำหรือขึงเชือกเพื่อให้ต้นตั้งตรง
    • การตัดแต่งกิ่ง: ควรตัดแต่งใบที่หนาทึบออกเพื่อให้แสงแดดส่องถึงผลได้ดีขึ้น
    • การป้องกันโรคและแมลง: ระวังเพลี้ยไฟ หนอนเจาะผล และโรคเชื้อรา ใช้วิธีธรรมชาติหรือชีวภัณฑ์ควบคุม

การเก็บเกี่ยวและการแปรรูป

  1. การเก็บเกี่ยว
    • มะเขือเทศพวงองุ่นสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 70-80 วันหลังปลูก
    • ควรเก็บเกี่ยวเมื่อผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ใช้กรรไกรตัดเพื่อป้องกันความเสียหาย
  2. การแปรรูป
    • ซอสมะเขือเทศ: นำไปบดและเคี่ยวเพื่อทำซอส
    • น้ำมะเขือเทศสด: คั้นเป็นน้ำเพื่อดื่มเพื่อสุขภาพ
    • มะเขือเทศอบแห้ง: ใช้สำหรับทำอาหารหรือเป็นของว่าง
    • ดองน้ำส้มสายชู: เพื่อเพิ่มรสชาติและยืดอายุการเก็บรักษา

ประโยชน์ของมะเขือเทศพวงองุ่น

  1. อุดมไปด้วยวิตามิน C และ A – ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสายตา
  2. มีสารไลโคปีนสูง – ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง
  3. ช่วยบำรุงผิวพรรณ – วิตามิน C และไลโคปีนช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง
  4. เสริมสร้างระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น
  5. ช่วยลดความดันโลหิต – มีโพแทสเซียมสูงช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต

การนำมะเขือเทศพวงองุ่นไปใช้ในอาหาร

มะเขือเทศพวงองุ่นมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในอาหารหลากหลายเมนู เช่น:

  1. สลัดมะเขือเทศ – ผสมกับผักสลัดและน้ำสลัดเพื่อสุขภาพ
  2. พาสต้ามะเขือเทศสด – ผัดกับน้ำมันมะกอก กระเทียม และชีส
  3. มะเขือเทศย่าง – ย่างบนเตาถ่านหรือเตาอบ เพิ่มรสชาติหวานกลมกล่อม
  4. ซุปมะเขือเทศ – ปั่นมะเขือเทศเป็นซุปเพื่อเพิ่มรสชาติและสารอาหาร
  5. มะเขือเทศผัดกับเนื้อสัตว์ – เช่น ผัดกับไก่ หรือเนื้อเพื่อเพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวาน

สรุป

มะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato) เป็นมะเขือเทศพันธุ์ดั้งเดิมที่มีลักษณะเด่นทั้งในด้านรสชาติและรูปลักษณ์ สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายทั้งในอาหารและการแปรรูป อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่าย ดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกเพื่อบริโภคเองหรือเพื่อการค้า