มะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato) เป็นมะเขือเทศเชอร์รี่พันธุ์ดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี มีลักษณะเด่นคือผลขนาดเล็ก ออกเป็นพวงคล้ายองุ่น รสหวานอมเปรี้ยว และกลิ่นหอมเฉพาะตัว ชื่อ “Riesentraube” ในภาษาเยอรมันหมายถึง “องุ่นยักษ์” ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะของผลที่ออกเป็นพวงขนาดใหญ่ มะเขือเทศสายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับรับประทานสด ใช้ในสลัด หรือใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเมดิเตอร์เรเนียนและอาหารยุโรปหลายชนิด นอกจากนี้ ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน C ไลโคปีน และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ บทความนี้จะกล่าวถึงลักษณะของมะเขือเทศพวงองุ่น วิธีการปลูก การดูแลรักษา ประโยชน์ และการนำไปใช้ในอาหาร
ลักษณะของมะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato)
- ต้นและใบ
- เป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตแบบไม่จำกัด (Indeterminate) ต้นสูง แข็งแรง และแตกกิ่งก้านมาก
- ใบสีเขียวเข้ม ขอบใบหยักลึก ผิวใบมีขนอ่อนคลุมเล็กน้อย
- ดอก
- ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกมีสีเหลืองสดใส และเป็นดอกสมบูรณ์เพศที่สามารถผสมเกสรได้ด้วยตนเอง
- ผล
- ผลมีลักษณะกลมหรือรี ขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-3 เซนติเมตร
- ออกเป็นพวงคล้ายองุ่น พวงหนึ่งอาจมีผลตั้งแต่ 10-30 ลูก
- เปลือกบาง แต่เหนียว ทนต่อการขนส่งและการเก็บรักษา
- สีของผลเปลี่ยนจากสีเขียวอ่อนเป็นสีแดงสดเมื่อสุก
- เนื้อแน่น ฉ่ำน้ำ รสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
- เมล็ด
- มีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ฝังอยู่ในเนื้อผล

วิธีการปลูกมะเขือเทศพวงองุ่น
- การเตรียมดิน
- ควรปลูกในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี
- พรวนดินและใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มธาตุอาหาร
- การเพาะเมล็ด
- หยอดเมล็ดลงในถาดเพาะกล้า หรือเพาะโดยตรงในแปลงปลูก
- ใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก
- การย้ายกล้า
- เมื่อกล้ามีใบจริง 4-6 ใบ สามารถย้ายลงปลูกในแปลงหรือกระถางขนาดใหญ่ได้
- ควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50-60 เซนติเมตร เพื่อให้ต้นมีพื้นที่เติบโตอย่างเต็มที่
- การดูแลรักษา
- การให้น้ำ: ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้งในช่วงเช้าและเย็น
- การให้ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 ทุก 2 สัปดาห์
- การค้ำยันต้น: เนื่องจากต้นสามารถสูงได้ถึง 2 เมตร ควรใช้ไม้ค้ำหรือขึงเชือกเพื่อให้ต้นตั้งตรง
- การตัดแต่งกิ่ง: ควรตัดแต่งใบที่หนาทึบออกเพื่อให้แสงแดดส่องถึงผลได้ดีขึ้น
- การป้องกันโรคและแมลง: ระวังเพลี้ยไฟ หนอนเจาะผล และโรคเชื้อรา ใช้วิธีธรรมชาติหรือชีวภัณฑ์ควบคุม
การเก็บเกี่ยวและการแปรรูป
- การเก็บเกี่ยว
- มะเขือเทศพวงองุ่นสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 70-80 วันหลังปลูก
- ควรเก็บเกี่ยวเมื่อผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ใช้กรรไกรตัดเพื่อป้องกันความเสียหาย
- การแปรรูป
- ซอสมะเขือเทศ: นำไปบดและเคี่ยวเพื่อทำซอส
- น้ำมะเขือเทศสด: คั้นเป็นน้ำเพื่อดื่มเพื่อสุขภาพ
- มะเขือเทศอบแห้ง: ใช้สำหรับทำอาหารหรือเป็นของว่าง
- ดองน้ำส้มสายชู: เพื่อเพิ่มรสชาติและยืดอายุการเก็บรักษา
ประโยชน์ของมะเขือเทศพวงองุ่น
- อุดมไปด้วยวิตามิน C และ A – ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสายตา
- มีสารไลโคปีนสูง – ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ – วิตามิน C และไลโคปีนช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง
- เสริมสร้างระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น
- ช่วยลดความดันโลหิต – มีโพแทสเซียมสูงช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
การนำมะเขือเทศพวงองุ่นไปใช้ในอาหาร
มะเขือเทศพวงองุ่นมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในอาหารหลากหลายเมนู เช่น:
- สลัดมะเขือเทศ – ผสมกับผักสลัดและน้ำสลัดเพื่อสุขภาพ
- พาสต้ามะเขือเทศสด – ผัดกับน้ำมันมะกอก กระเทียม และชีส
- มะเขือเทศย่าง – ย่างบนเตาถ่านหรือเตาอบ เพิ่มรสชาติหวานกลมกล่อม
- ซุปมะเขือเทศ – ปั่นมะเขือเทศเป็นซุปเพื่อเพิ่มรสชาติและสารอาหาร
- มะเขือเทศผัดกับเนื้อสัตว์ – เช่น ผัดกับไก่ หรือเนื้อเพื่อเพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวาน
สรุป
มะเขือเทศพวงองุ่น (Riesentraube Tomato) เป็นมะเขือเทศพันธุ์ดั้งเดิมที่มีลักษณะเด่นทั้งในด้านรสชาติและรูปลักษณ์ สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายทั้งในอาหารและการแปรรูป อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่าย ดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกเพื่อบริโภคเองหรือเพื่อการค้า