ถั่วลันเตา (Peas)

ถั่วลันเตา (Pea)

ถั่วลันเตา (Pisum sativum) เป็นพืชตระกูลถั่วที่ได้รับความนิยมในการบริโภคทั่วโลก เนื่องจากมีรสชาติอร่อย อุดมไปด้วยโปรตีน เส้นใยอาหาร และวิตามินต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปหลายประเภท ทั้งในรูปแบบถั่วสด ถั่วแห้ง ถั่วกระป๋อง และแป้งถั่วลันเตา บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของถั่วลันเตา คุณค่าทางโภชนาการ ประโยชน์ทางสุขภาพ วิธีการปลูก และแนวโน้มทางการตลาดของถั่วลันเตาในประเทศไทยและต่างประเทศ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของถั่วลันเตา

  • ลำต้น: เป็นพืชฤดูเดียว มีลำต้นเล็ก ลำต้นมีลักษณะเป็นเถาเลื้อยที่สามารถสูงได้ถึง 2 เมตร โดยอาศัยมือเกาะช่วยในการพยุงลำต้น
  • ใบ: เป็นใบประกอบแบบขนนก ปลายใบมีมือเกาะ ใช้เกาะเกี่ยวกับโครงสร้างเพื่อพยุงต้นให้เติบโตขึ้นสูง
  • ดอก: เป็นดอกสมบูรณ์เพศ สามารถผสมเกสรในตัวเองได้ มีสีขาวหรือสีม่วงขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
  • ฝัก: มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว ภายในมีเมล็ดถั่วเรียงเป็นแนว อาจมีฝักที่สามารถรับประทานได้ทั้งฝัก หรือฝักที่ต้องแกะเมล็ดออกมาก่อนบริโภค
  • เมล็ด: มีลักษณะกลม หรือรูปไข่ ขนาดเล็ก สีเขียว ขาว หรือเหลือง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
ถั่วลันเตา (Peas)

สายพันธุ์ถั่วลันเตาที่นิยมปลูก

  1. ถั่วลันเตาฝักสด (Snow Pea) – มีฝักแบน กรอบ สามารถรับประทานได้ทั้งฝัก นิยมใช้ในเมนูผัดและอาหารเอเชีย
  2. ถั่วลันเตาฝักอ่อน (Sugar Snap Pea) – ฝักอวบกรอบ มีรสหวาน นิยมรับประทานทั้งฝักแบบสดหรือปรุงสุก
  3. ถั่วลันเตาเมล็ดแห้ง (Field Pea) – ใช้สำหรับผลิตเมล็ดแห้ง นำไปบดเป็นแป้ง หรือใช้ในการผลิตอาหารสัตว์

แหล่งปลูกถั่วลันเตาในประเทศไทย

ถั่วลันเตาเติบโตได้ดีในอากาศเย็นและชอบแสงแดดจัด พื้นที่ที่เหมาะสมในการเพาะปลูกในประเทศไทย ได้แก่:

  • ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน เป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ เนื่องจากมีอากาศเย็นเหมาะสม
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: พื้นที่ราบสูงบางแห่งที่มีสภาพอากาศเหมาะสมสำหรับการปลูก
  • ภาคกลางและภาคตะวันตก: มีการปลูกในบางพื้นที่เพื่อจำหน่ายในตลาดภายในประเทศ
ถั่วลันเตา (Peas)

คุณค่าทางโภชนาการของถั่วลันเตา

ถั่วลันเตาเป็นแหล่งโปรตีนและเส้นใยอาหารที่สำคัญ โดยใน ถั่วลันเตา 100 กรัม (สด) มีสารอาหารดังนี้:

สารอาหารปริมาณ
พลังงาน81 กิโลแคลอรี
โปรตีน5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต15 กรัม
ไขมัน0 กรัม
เส้นใยอาหาร5.1 กรัม
วิตามินซี40 มิลลิกรัม
วิตามินเค24 มิลลิกรัม
โฟเลต65 ไมโครกรัม
แคลเซียม25 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก1.5 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของถั่วลันเตาต่อสุขภาพ

  1. ช่วยบำรุงสายตา – อุดมไปด้วยลูทีนและเบต้าแคโรทีน ซึ่งช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
  2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน – มีวิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
  3. บำรุงกระดูก – วิตามินเคและแคลเซียมช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
  4. ช่วยลดความดันโลหิต – โพแทสเซียมสูงช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
  5. ดีต่อระบบย่อยอาหาร – เส้นใยอาหารสูงช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายและป้องกันอาการท้องผูก

ตลาดและอุตสาหกรรมถั่วลันเตา

1. ความต้องการในประเทศ

  • ถั่วลันเตาสดมีความต้องการสูงในตลาดไทย โดยเฉพาะในร้านอาหารและอุตสาหกรรมแปรรูป
  • ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอาหารเอเชีย เช่น ผัดผัก แกง และซุป
  • นิยมแปรรูปเป็นถั่วแช่แข็งเพื่อเก็บรักษาคุณภาพได้นานขึ้น

2. การส่งออกและตลาดโลก

  • ถั่วลันเตาเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศที่มีอุตสาหกรรมเกษตรที่เข้มแข็ง เช่น จีน อินเดีย และแคนาดา
  • ประเทศไทยมีโอกาสขยายตลาดส่งออกถั่วลันเตาแช่แข็งและผลิตภัณฑ์แปรรูป

3. ปัจจัยที่มีผลต่อราคาตลาด

  • สภาพอากาศที่เหมาะสมมีผลต่อคุณภาพและผลผลิตของถั่วลันเตา
  • ความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล
  • ต้นทุนการผลิต รวมถึงเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และแรงงาน
ถั่วลันเตา (Peas)

ข้อควรระวังในการบริโภคถั่วลันเตา

  • ไม่ควรรับประทานดิบในปริมาณมาก เพราะอาจมีสารต้านโภชนาการที่รบกวนการย่อย
  • ผู้ที่แพ้พืชตระกูลถั่วควรระมัดระวัง และสังเกตอาการเมื่อบริโภคเป็นครั้งแรก
  • การเลือกซื้อถั่วลันเตา ควรเลือกฝักที่สด กรอบ ไม่มีรอยช้ำหรือเชื้อรา

สรุป

ถั่วลันเตาเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารหลากหลาย และเป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ การปลูกถั่วลันเตาในประเทศไทยมีศักยภาพสูงและสามารถพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญได้ในอนาคต หากมีการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการผลิตและช่องทางตลาดที่เหมาะสม