กระเจี๊ยบเขียว (Okra) เป็นผักสวนครัวพื้นบ้านที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยลักษณะเด่นของฝักสีเขียวเรียวยาว มีเมือกลื่นภายใน ให้รสสัมผัสเฉพาะตัวเมื่อรับประทาน นอกจากจะเป็นผักที่ปลูกง่าย โตเร็ว และทนแล้งแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เป็นทั้งอาหารและสมุนไพรในหนึ่งเดียว
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Abelmoschus esculentus
- ชื่อสามัญ: Okra
- วงศ์: Malvaceae (วงศ์เดียวกับฝ้ายและชบา)
กระเจี๊ยบเขียวเป็นพืชล้มลุก อายุปีเดียว สูงประมาณ 1–2 เมตร เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น ใบหยักแฉก ดอกสีเหลืองอ่อน โคนดอกสีม่วง ฝักมีลักษณะเรียวยาว ผิวเรียบ ภายในมีเมล็ดกลม และมีเมือกใสอันเป็นเอกลักษณ์

ชื่อเรียกท้องถิ่นของกระเจี๊ยบเขียว
กระเจี๊ยบเขียวมีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคของไทย เช่น:
ภูมิภาค | ชื่อท้องถิ่น |
---|---|
ภาคกลาง | กระเจี๊ยบเขียว |
ภาคเหนือ | มะเขือมื่น, บ่ะเขือมื่น |
ภาคอีสาน | มะนืนน้อย, มะเขือบง |
ภาคใต้ | กระเจี๊ยบเขียว |
ชื่อเหล่านี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมการบริโภคและการใช้ประโยชน์จากพืชชนิดนี้ในวิถีชีวิตแต่ละท้องถิ่น
คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 100 กรัม)
- พลังงาน: 33 กิโลแคลอรี
- ใยอาหาร: 3.2 กรัม
- วิตามิน C: 21 มิลลิกรัม
- วิตามิน K: 31.3 ไมโครกรัม
- โฟเลต: 88 ไมโครกรัม
- วิตามิน A, B6, แมกนีเซียม, แคลเซียม และโพแทสเซียม
กระเจี๊ยบเขียวยังอุดมไปด้วยสารพฤกษเคมี เช่น เควอซิทิน (quercetin), แคเทชิน (catechin), และโพลีฟีนอล ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบในร่างกาย

สารสำคัญและประโยชน์ต่อสุขภาพ
- เมือก (Mucilage):
เคลือบกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการกรดไหลย้อน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด - ใยอาหารสูง:
ส่งเสริมการขับถ่าย ลดคอเลสเตอรอล และเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ - โพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์:
ช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งบางชนิด - วิตามินและแร่ธาตุ:
ช่วยบำรุงสายตา กระดูก ระบบประสาท และเหมาะอย่างยิ่งกับหญิงตั้งครรภ์ เพราะมีโฟเลตสูง

แหล่งปลูกกระเจี๊ยบเขียวในประเทศไทย
กระเจี๊ยบเขียวสามารถปลูกได้ทั่วประเทศ แต่แหล่งผลิตหลักที่มีการปลูกเพื่อการค้า ได้แก่:
ภาคกลาง
- นครปฐม, ราชบุรี, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี
เป็นแหล่งผลิตใหญ่ ส่งตลาดสดและโรงงานแปรรูป
ภาคตะวันออก
- ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา
นิยมปลูกกระเจี๊ยบเพื่อส่งขายในตลาดสดและอุตสาหกรรมอาหาร
ภาคอีสาน
- ขอนแก่น, อุบลราชธานี, นครราชสีมา
ปลูกเป็นพืชเสริมรายได้ในระบบเกษตรผสมผสาน
ภาคเหนือ
- เชียงใหม่, ลำพูน, พะเยา
ปลูกตามฤดูกาล โดยเฉพาะในพื้นที่ราบหรือใกล้แหล่งน้ำ
นอกจากนี้ กระเจี๊ยบเขียวยังนิยมปลูกในระดับครัวเรือนทั่วประเทศ ทั้งในแปลงดินและในกระถางสำหรับพื้นที่จำกัด เช่น บนระเบียง หรือในบ้านจัดสรร
การบริโภคกระเจี๊ยบเขียวในอาหารไทย
- กระเจี๊ยบเขียวลวกจิ้มน้ำพริก
- แกงส้มกระเจี๊ยบ
- ผัดกระเจี๊ยบหมูสับ
- กระเจี๊ยบตุ๋นยาจีน
- ต้มจืดหรือใส่ในซุปเพื่อเพิ่มใยอาหาร
- หั่นแช่น้ำดื่มเพื่อควบคุมน้ำตาล
สรุป
กระเจี๊ยบเขียว (Okra) คือพืชสวนครัวที่ครบเครื่องทั้งรสชาติ ประโยชน์ และคุณค่าทางสุขภาพ เป็นผักพื้นบ้านที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย และให้ผลผลิตเร็ว เหมาะสำหรับทุกครัวเรือนและทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ หรือผู้ที่มองหาพืชผักที่มีสรรพคุณทางยาอย่างเป็นธรรมชาติ