ตะไคร้ (Lemongrass)

ตะไคร้ (Cymbopogon citratus) เป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมทั้งในด้านอาหารและการแพทย์แผนไทย มีลำต้นเป็นกอและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารไทย เช่น ต้มยำ และยังใช้ในการรักษาโรคด้วยคุณสมบัติทางยาหลายประการ เช่น ขับลม บรรเทาอาการอักเสบ และช่วยลดความเครียด

ชื่อเรียกในแต่ละภาคของประเทศไทย

  • ภาคเหนือ: จะไคร้
  • ภาคกลาง: ตะไคร้
  • ภาคอีสาน: ตะไคร้
  • ภาคใต้: ไคร

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

  • ลำต้น: เป็นพืชล้มลุก มีลำต้นเป็นกอแน่น สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นแข็งแรงและมีสีเขียวอ่อน
  • ใบ: ใบยาวเรียว ปลายแหลม ขอบใบคม มีสีเขียวอ่อน และมีกลิ่นหอมเมื่อขยี้
  • ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกย่อยมีขนาดเล็ก สีขาวหรือม่วงอ่อน
  • ราก: มีรากฝอยจำนวนมาก สามารถดูดซับน้ำและธาตุอาหารจากดินได้ดี
ตะไคร้ (Lemongrass)

ฤดูการปลูกและการเก็บเกี่ยว

  • ฤดูปลูก: ตะไคร้สามารถปลูกได้ตลอดปี แต่เติบโตได้ดีที่สุดในช่วงต้นฤดูฝน (พฤษภาคม-มิถุนายน)
  • ระยะเวลาในการเติบโต: ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนจึงสามารถเก็บเกี่ยวได้
  • การเก็บเกี่ยว: เมื่อลำต้นสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร สามารถตัดโคนลำต้นเพื่อนำไปใช้ได้

คุณค่าทางโภชนาการ

ในปริมาณ 100 กรัม ตะไคร้ประกอบด้วย:

  • พลังงาน: 99 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต: 25 กรัม
  • โปรตีน: 1.8 กรัม
  • ไขมัน: 0.5 กรัม
  • ใยอาหาร: 1.2 กรัม
  • วิตามินซี: 2.6 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม: 65 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก: 8.2 มิลลิกรัม

สรรพคุณทางยา

  1. ขับลมและบรรเทาอาการท้องอืด – น้ำมันหอมระเหยในตะไคร้มีฤทธิ์ช่วยขับลมและช่วยย่อยอาหาร
  2. ช่วยลดอาการปวดศีรษะและปวดกล้ามเนื้อ – มีฤทธิ์ลดการอักเสบและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  3. ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล – กลิ่นหอมของตะไคร้ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
  4. ต้านจุลชีพและเชื้อรา – น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
  5. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด – มีฤทธิ์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  6. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน – มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ
ตะไคร้ (Lemongrass)

การใช้ตะไคร้ในอาหาร

ตะไคร้เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารไทยหลายชนิด เช่น:

  • ต้มยำ – ใช้เพิ่มความหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
  • แกงส้ม – เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับน้ำแกง
  • ยำตะไคร้ – นำตะไคร้สดหั่นบางมาปรุงเป็นยำเพื่อเพิ่มรสชาติ
  • น้ำสมุนไพรตะไคร้ – ใช้ต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยขับลมและลดความเครียด

วิธีการแปรรูปตะไคร้

  1. การทำตะไคร้แห้ง
    • ล้างตะไคร้ให้สะอาดและหั่นเป็นท่อนบาง ๆ
    • ตากแดดจนแห้งสนิท
    • เก็บในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อรักษาคุณภาพ
  2. การทำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้
    • ใช้การกลั่นไอน้ำจากตะไคร้สดเพื่อสกัดน้ำมันหอมระเหย
    • ใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สบู่ แชมพู และสเปรย์ไล่แมลง
  3. การทำชาตะไคร้
    • นำตะไคร้แห้งมาบดหยาบ
    • ชงกับน้ำร้อนดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ

วิธีการปลูกตะไคร้

  1. การเตรียมดิน – ใช้ดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี
  2. การขยายพันธุ์ – ใช้ต้นตะไคร้ที่มีรากติดอยู่ปลูกลงดิน
  3. การดูแลรักษา – ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ
  4. การเก็บเกี่ยว – สามารถตัดลำต้นไปใช้ได้หลังจากปลูกประมาณ 3-6 เดือน

ข้อควรระวัง

  • ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม – การรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
  • ผู้ที่มีความดันต่ำควรระมัดระวัง – ตะไคร้อาจทำให้ความดันลดลง
  • สตรีมีครรภ์ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง – อาจมีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต

สรุป

ตะไคร้เป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์ทั้งในด้านโภชนาการและการรักษาโรค นิยมใช้เป็นเครื่องเทศเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมในอาหาร รวมถึงเป็นสมุนไพรที่ช่วยบำรุงสุขภาพและรักษาโรคได้หลากหลาย การใช้ตะไคร้อย่างถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากสมุนไพรชนิดนี้