กระดอมคืออะไร?
กระดอม (Gymnopetalum chinense) เป็นพืชผักพื้นบ้านของไทยที่พบได้ในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระดอมมีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ตระกูลเดียวกับฟักทองและบวบ นิยมใช้บริโภคในรูปของผักสดและส่วนประกอบในอาหารพื้นบ้านของชุมชนท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณทางยาและถูกนำมาใช้ในทางสมุนไพรเพื่อรักษาโรคบางชนิดอีกด้วย
ชื่อเรียกอื่น ๆ ของกระดอมในแต่ละภูมิภาค
เนื่องจากกระดอมเป็นพืชพื้นเมือง จึงมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ได้แก่:
- ภาคเหนือ: “มะนอยออมแอม”, “มะนอยจา”, “มะนอยหกฟ้า”
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: “ขี้กาเหลี่ยม”, “ขี้กาลาย”
- ภาคกลาง: “กระดอม”, “ขี้กาดง”
- ภาคใต้: “ดอม”, “ผักแคบป่า”

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกระดอม
- ลำต้น: เป็นไม้เถาเลื้อย มีมือเกาะสำหรับช่วยในการพยุงต้นให้เลื้อยขึ้นไปบนต้นไม้อื่นหรือค้าง
- ใบ: ใบเดี่ยว รูปไข่หรือรูปหัวใจ ขอบใบหยักเล็กน้อย พื้นผิวใบมีขนละเอียด
- ดอก: ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อตามซอกใบ มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกันในต้นเดียวกัน
- ผล: ลักษณะทรงกลมหรือทรงรี ผิวเรียบ สีเขียวอ่อนเมื่อยังอ่อน และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อแก่จัด
- เมล็ด: มีขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายเมล็ดฟักทอง สามารถนำไปเพาะปลูกต่อได้
- รสชาติ: ผลอ่อนมีรสฝาดเล็กน้อย เมื่อปรุงสุกจะมีรสอ่อน ๆ หวานมัน
แหล่งปลูกและการกระจายพันธุ์ของกระดอมในประเทศไทย
กระดอมเป็นพืชที่ขึ้นได้เองตามธรรมชาติในป่าชื้นและพื้นที่ราบลุ่ม พบได้ในหลายจังหวัด เช่น:
- ภาคเหนือ: เชียงใหม่ ลำพูน น่าน แม่ฮ่องสอน
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี
- ภาคกลาง: นครสวรรค์ สุพรรณบุรี
- ภาคใต้: นครศรีธรรมราช พัทลุง
กระดอมสามารถเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความชื้นปานกลางและแสงแดดเต็มวัน การปลูกกระดอมมักไม่ต้องการการดูแลมากนัก เนื่องจากเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย

คุณค่าทางโภชนาการของกระดอม (ต่อ 100 กรัม)
กระดอมอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น:
- พลังงาน: 20-30 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 5-7 กรัม
- โปรตีน: 1-2 กรัม
- ไฟเบอร์: 2-4 กรัม
- วิตามินเอ: ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
- วิตามินซี: เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- แคลเซียม: ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
- ธาตุเหล็ก: ป้องกันภาวะโลหิตจาง
ประโยชน์ของกระดอมต่อสุขภาพ
- ช่วยบำรุงสายตา – มีวิตามินเอสูง ลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับดวงตา
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีช่วยป้องกันหวัดและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือด – ไฟเบอร์สูงช่วยควบคุมระดับน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- ส่งเสริมระบบขับถ่าย – ใยอาหารช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล – มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดไขมันไม่ดีในร่างกาย
วิธีการปลูกและดูแลกระดอม
- เตรียมดินให้เหมาะสม – ควรใช้ดินร่วนซุยที่สามารถระบายน้ำได้ดี
- เพาะเมล็ด – นำเมล็ดแก่ของกระดอมไปเพาะลงในถุงเพาะกล้า รดน้ำสม่ำเสมอ
- ย้ายกล้าลงแปลงปลูก – เมื่อกล้าแข็งแรงพอ ควรปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดเต็มวันและมีไม้ให้เลื้อย
- ดูแลรักษา – ให้ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2-3 สัปดาห์ และรดน้ำเป็นประจำ
- เก็บเกี่ยวผลผลิต – ผลอ่อนสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 60-80 วันหลังปลูก
การนำกระดอมไปใช้ในอาหาร
กระดอมสามารถนำไปใช้ปรุงอาหารได้หลากหลาย เช่น:
1. อาหารพื้นบ้านไทย
- แกงกระดอมใส่ปลาแห้ง – เป็นแกงพื้นเมืองที่นิยมในภาคเหนือและภาคอีสาน
- กระดอมลวกจิ้มน้ำพริก – ใช้รับประทานเป็นเครื่องเคียง
- แกงส้มกระดอมใส่กุ้ง – รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เผ็ดจัดจ้าน
2. อาหารสุขภาพ
- กระดอมผัดไข่ – เป็นเมนูที่มีรสชาตินุ่มนวลและรับประทานง่าย
- ซุปกระดอมใส่เต้าหู้ – มีประโยชน์ต่อสุขภาพและให้พลังงานต่ำ
สรุป
กระดอมเป็นพืชผักพื้นบ้านที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนำไปใช้ในอาหารได้หลากหลาย นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นพืชที่ปลูกง่ายและสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร การพัฒนาและแปรรูปกระดอมสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืนสำหรับคนไทย
หากคุณชื่นชอบบทความนี้ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระดอมมากขึ้น! 🌱