ต้นหอมญี่ปุ่น (Allium fistulosum) หรือที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า เนกิ (Negi, ねぎ) เป็นพืชในตระกูลเดียวกับต้นหอม กระเทียม และกุยช่าย แต่มีลักษณะและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีลำต้นสีขาวอวบและใบสีเขียวเข้ม แตกต่างจากต้นหอมไทยที่มีขนาดเล็กกว่าและกลิ่นฉุนแรงกว่า ต้นหอมญี่ปุ่นนิยมใช้ในการปรุงอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนู เช่น ซุป มิโสะราเม็ง และหม้อไฟต่าง ๆ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Allium fistulosum
- วงศ์: Amaryllidaceae
- ลำต้น: เป็นทรงกระบอก สีขาวที่โคนและเขียวที่ปลาย ใบเป็นหลอดกลวงคล้ายต้นหอมทั่วไป
- ราก: มีรากฝอยจำนวนมาก ใช้สำหรับดูดซึมสารอาหารจากดิน
- กลิ่นและรสชาติ: มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ รสชาติหวานเล็กน้อยเมื่อปรุงสุก แตกต่างจากต้นหอมไทยที่มีกลิ่นฉุนกว่า

คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 100 กรัม)
- พลังงาน: 32 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 7.3 กรัม
- โปรตีน: 1.8 กรัม
- ใยอาหาร: 2.6 กรัม
- วิตามินเอ: 50 ไมโครกรัม (ช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง)
- วิตามินซี: 18 มิลลิกรัม (ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน)
- วิตามินเค: 207 ไมโครกรัม (ช่วยบำรุงกระดูกและระบบไหลเวียนโลหิต)
- แคลเซียม: 72 มิลลิกรัม (ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน)
- โพแทสเซียม: 276 มิลลิกรัม (ช่วยควบคุมความดันโลหิต)
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
- ช่วยบำรุงสายตา – วิตามินเอในต้นหอมญี่ปุ่นช่วยปกป้องดวงตาและลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม
- ช่วยลดคอเลสเตอรอล – ไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดระดับไขมันในเลือด
- ช่วยระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และลดอาการท้องผูก
- ช่วยควบคุมความดันโลหิต – โพแทสเซียมช่วยให้เส้นเลือดขยายตัว ลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยเสริมสุขภาพกระดูก – แคลเซียมและวิตามินเคช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง
- มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย – สารซัลไฟด์ในต้นหอมญี่ปุ่นช่วยป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย
การใช้ต้นหอมญี่ปุ่นในอาหาร
ต้นหอมญี่ปุ่นสามารถใช้ได้ทั้งแบบสดและปรุงสุก นิยมใช้ในอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนู เช่น:
- โรยหน้าซุปมิโสะ – ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ
- ใช้เป็นส่วนประกอบในราเม็ง – เพิ่มความกลมกล่อมให้กับน้ำซุป
- ย่างกับเนื้อสัตว์ – เช่น เนกิยากิ (ต้นหอมย่าง) หรือคุชิยากิ (เสียบไม้ย่าง)
- ใส่ในหม้อไฟ (Nabe) – เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับน้ำซุป
- ทำเป็นกิมจิ – ต้นหอมญี่ปุ่นสามารถนำไปหมักทำกิมจิเหมือนต้นหอมเกาหลี

วิธีปลูกและดูแลต้นหอมญี่ปุ่น
- ดินและแสงแดด – ต้องการดินร่วนซุยที่ระบายน้ำดี และแสงแดดเต็มวัน
- การรดน้ำ – ควรรดน้ำเป็นประจำแต่ไม่ให้ดินแฉะเกินไป
- การขยายพันธุ์ – สามารถเพาะเมล็ดหรือปักชำจากราก
- การเก็บเกี่ยว – สามารถตัดใบได้เมื่ออายุประมาณ 60-90 วัน หรือถอนทั้งต้นเมื่อโตเต็มที่
การเก็บรักษาต้นหอมญี่ปุ่น
- เก็บในตู้เย็น – ควรห่อด้วยกระดาษหรือพลาสติกถนอมอาหารและแช่ในช่องผัก สามารถเก็บได้นาน 7-10 วัน
- แช่แข็ง – สามารถหั่นและแช่แข็งเพื่อเก็บไว้ใช้ได้นานขึ้น
- แช่ในน้ำ – หากต้องการให้ต้นหอมสดอยู่ได้นานขึ้น ให้วางโคนต้นลงในภาชนะที่มีน้ำเล็กน้อย
ข้อควรระวัง
- การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร – เนื่องจากมีสารซัลไฟด์สูง
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตควรระวัง – เนื่องจากต้นหอมญี่ปุ่นมีโพแทสเซียมสูง
- ไม่ควรใช้ในเด็กเล็กมากเกินไป – อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด
สรุป
ต้นหอมญี่ปุ่น (Allium fistulosum) เป็นพืชที่มีประโยชน์ทั้งในด้านโภชนาการและสรรพคุณทางยา นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารญี่ปุ่น เช่น ซุป ราเม็ง และหม้อไฟ การปลูกต้นหอมญี่ปุ่นทำได้ง่าย และสามารถนำไปใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายรูปแบบ การบริโภคต้นหอมญี่ปุ่นอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพและเพิ่มรสชาติให้อาหารได้อย่างดีเยี่ยม