แตงกวาญี่ปุ่น (Japanese Cucumber) เป็นพืชตระกูลแตง (Cucumis sativus) ที่มีลักษณะเด่นคือผลยาว ผิวเรียบ สีเขียวเข้ม เนื้อกรอบ และมีรสหวานกว่าพันธุ์แตงกวาทั่วไป นิยมบริโภคสดหรือใช้ในอาหารญี่ปุ่นและอาหารเพื่อสุขภาพหลากหลายเมนู เนื่องจากมีปริมาณน้ำสูง ให้ความสดชื่น และมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อร่างกาย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Cucumis sativus
- วงศ์: Cucurbitaceae (วงศ์เดียวกับแตงโมและฟักทอง)
- ลำต้น: เป็นเถาเลื้อย สามารถเติบโตยาวได้ถึง 2-3 เมตร
- ใบ: ขนาดใหญ่ รูปห้าเหลี่ยม สีเขียวเข้ม ขอบใบหยักเล็กน้อย
- ดอก: สีเหลืองสด ออกดอกแยกเพศในต้นเดียวกัน
- ผล: ทรงกระบอกเรียวยาว ผิวเรียบ สีเขียวเข้ม มีเนื้อกรอบ รสหวานเล็กน้อย
- เมล็ด: ขนาดเล็ก สีขาวนวล มีจำนวนน้อยกว่าพันธุ์แตงกวาทั่วไป

คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 100 กรัม)
- พลังงาน: 16 กิโลแคลอรี
- น้ำ: 95%
- คาร์โบไฮเดรต: 3.6 กรัม
- โปรตีน: 0.7 กรัม
- ไขมัน: 0.1 กรัม
- ใยอาหาร: 0.5 กรัม
- วิตามินซี: 2.8 มิลลิกรัม (ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน)
- วิตามินเค: 16.4 ไมโครกรัม (ช่วยในการแข็งตัวของเลือดและบำรุงกระดูก)
- โพแทสเซียม: 147 มิลลิกรัม (ช่วยควบคุมความดันโลหิต)
- แมกนีเซียม: 13 มิลลิกรัม (ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อและระบบประสาท)
ประโยชน์ของแตงกวาญี่ปุ่น
- ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย – มีปริมาณน้ำสูงถึง 95% จึงช่วยให้ร่างกายสดชื่นและป้องกันภาวะขาดน้ำ
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ – มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ลดการเกิดริ้วรอย
- ช่วยลดน้ำหนัก – มีแคลอรี่ต่ำ ไขมันต่ำ และไฟเบอร์สูง ทำให้อิ่มเร็วและช่วยควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด – มีไฟเบอร์ที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในร่างกาย
- เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ – มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต
- ช่วยขับปัสสาวะ – มีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ ช่วยลดอาการบวมน้ำ

วิธีนำแตงกวาญี่ปุ่นไปใช้ในอาหาร
- สลัด – หั่นเป็นแว่นบาง ๆ และรับประทานสดร่วมกับผักชนิดอื่น
- ซูชิและโรล – ใช้เป็นไส้ของซูชิและแซนด์วิชเพื่อเพิ่มความกรอบ
- ผัด – สามารถนำไปผัดกับเนื้อสัตว์หรือเต้าหู้
- ซุปเย็น – ปั่นแตงกวากับโยเกิร์ตและสมุนไพรเพื่อทำซุปเย็นเพื่อสุขภาพ
- ดอง – นำไปดองกับน้ำส้มสายชูเพื่อทำแตงกวาดองญี่ปุ่น (Tsukemono)
- น้ำแตงกวา – ปั่นแตงกวากับน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเพื่อทำเครื่องดื่มสดชื่น
วิธีปลูกและดูแลแตงกวาญี่ปุ่น
- การเลือกดิน – ใช้ดินร่วนซุยที่ระบายน้ำดี ค่า pH 5.5-6.5
- แสงแดด – ต้องการแสงแดดวันละ 6-8 ชั่วโมง
- การรดน้ำ – ควรรดน้ำวันละครั้งในช่วงเช้าและหลีกเลี่ยงน้ำขัง
- การใส่ปุ๋ย – ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพิ่มสารอาหารให้ดิน
- การทำค้าง – ควรทำค้างให้เถาแตงกวาเลื้อยขึ้นเพื่อลดปัญหาโรคจากดินและช่วยให้ผลมีคุณภาพดีขึ้น
- การป้องกันโรคและแมลง – โรคที่พบบ่อย ได้แก่ โรคราน้ำค้าง โรคใบจุด และแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟและหนอนเจาะเถา
- การเก็บเกี่ยว – สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีความยาวประมาณ 15-20 ซม. หรืออายุประมาณ 45-60 วันหลังปลูก
การเก็บรักษาแตงกวาญี่ปุ่น
- เก็บในที่แห้งและเย็น – สามารถเก็บไว้ได้นาน 1-2 สัปดาห์
- แช่เย็น – ควรเก็บในช่องผักของตู้เย็นเพื่อรักษาความสด
- ดองเก็บไว้ได้นาน – แตงกวาดองสามารถเก็บได้นานเป็นเดือน
ข้อควรระวัง
- ควรล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน – เพื่อลดสารเคมีตกค้าง
- ไม่ควรรับประทานแตงกวาดิบมากเกินไป – อาจทำให้เกิดอาการแน่นท้อง
- เลือกแตงกวาที่สดใหม่ – ควรเลือกผลที่แข็ง ไม่เหี่ยว และไม่มีรอยช้ำ
สรุป
แตงกวาญี่ปุ่น (Japanese Cucumber) เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีแคลอรี่ต่ำ น้ำสูง และสามารถนำไปใช้ในอาหารได้หลากหลาย นอกจากจะมีรสชาติอร่อย กรอบ และหวานเล็กน้อยแล้ว ยังช่วยบำรุงสุขภาพหลายด้าน เช่น ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย บำรุงผิวพรรณ และส่งเสริมการย่อยอาหาร การปลูกแตงกวาญี่ปุ่นทำได้ง่ายและให้ผลผลิตเร็ว ทำให้เป็นพืชที่เหมาะสำหรับปลูกไว้รับประทานเองที่บ้าน