บอน (Colocasia esculenta) เป็นพืชล้มลุกที่อยู่ในวงศ์ Araceae ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ทั้งทางอาหารและสมุนไพร มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแพร่กระจายไปยังเขตร้อนชื้นทั่วโลก บอนเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายเผือก แต่แตกต่างกันในเรื่องของโครงสร้างใบ ก้านใบ และการบริโภค
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับบอน
- Taro – ชื่อที่ใช้ทั่วไปสำหรับหัวบอนหรือเผือก
- Elephant Ear Plant – ใช้เรียกบอนโดยเน้นที่ลักษณะของใบขนาดใหญ่คล้ายหูช้าง
- Dasheen – คำที่ใช้ในหมู่เกาะแคริบเบียนเพื่อเรียกบอน
- Eddoe – ใช้เรียกเผือกหัวเล็กหรือพันธุ์ที่มีเนื้อเหนียว
- Coco Yam – ใช้ในบางประเทศแถบแอฟริกาเพื่อเรียกพืชในตระกูลบอน

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของบอน
- ลำต้น: เป็นพืชที่มีเหง้าอยู่ใต้ดิน หรือที่เรียกว่าหัวบอน ซึ่งใช้สะสมน้ำและสารอาหาร
- ใบ: ใบรูปหัวใจ ขนาดใหญ่ ผิวเรียบ มักมีสีเขียวเข้มหรือเขียวอมม่วง
- ก้านใบ: มีลักษณะกลวงหรืออวบน้ำ มีสีเขียวหรือม่วงแดง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
- ดอก: ออกเป็นช่อเชิงลด มีกาบรองช่อดอกคล้ายดอกหน้าวัว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
- ราก: มีระบบรากฝอยที่สามารถดูดซับสารอาหารได้ดี
ประเภทของบอน
บอนมีหลายสายพันธุ์ โดยสามารถจำแนกได้ตามลักษณะของใบ ก้านใบ และการใช้ประโยชน์ เช่น:
- บอนกินได้ (Edible Taro) – เป็นบอนที่สามารถรับประทานได้ ทั้งก้านใบและหัวบอน เช่น บอนน้ำ บอนจีน
- บอนพิษ (Toxic Taro) – มีสารแคลเซียมออกซาเลตสูง ทำให้เกิดอาการคัน เช่น บอนดอย บอนป่า
- บอนประดับ (Ornamental Taro) – ใช้ปลูกเพื่อความสวยงาม เช่น บอนสี หรือบอนใบด่าง

วิธีปลูกบอน
บอนเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในแปลงดินและในพื้นที่ชื้นแฉะ โดยมีขั้นตอนดังนี้:
1. การเตรียมดิน
- ควรเป็นดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี และมีอินทรียวัตถุสูง
- หากปลูกในที่ลุ่ม ควรมีการจัดการน้ำให้เหมาะสม
2. การปลูก
- ใช้หัวบอนหรือก้านบอนที่มีตาติดอยู่ ปักลงในดินที่เตรียมไว้
- เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-50 ซม. เพื่อให้ต้นเติบโตได้ดี
3. การดูแล
- รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต
- ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2-3 สัปดาห์
- ควรกำจัดวัชพืชรอบ ๆ ต้นเพื่อป้องกันศัตรูพืช
4. การเก็บเกี่ยว
- หัวบอนสามารถขุดเก็บได้หลังจากปลูกประมาณ 6-8 เดือน
- ก้านใบสามารถตัดมาใช้ได้เมื่อมีขนาดโตเต็มที่

ประโยชน์ของบอน
1. ใช้เป็นอาหาร
- หัวบอนสามารถนำมาต้ม นึ่ง หรือบดทำเป็นแป้งได้
- ก้านบอนสามารถนำมาแกง หรือผัดกับเครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติ
- เมนูยอดนิยม เช่น แกงบอน แกงคั่วบอน ต้มบอนน้ำใส
2. คุณค่าทางโภชนาการ
บอนอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น:
- คาร์โบไฮเดรต – เป็นแหล่งพลังงานที่ดี
- ไฟเบอร์ – ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี
- วิตามินซี – ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- โพแทสเซียม – ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
3. ใช้เป็นสมุนไพร
- ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ
- ใช้พอกแผลเพื่อช่วยลดการอักเสบ
- บางสายพันธุ์ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
ข้อควรระวังในการบริโภคบอน
- ควรปรุงสุกก่อนรับประทานเสมอ เพราะบอนดิบมีสารแคลเซียมออกซาเลตที่อาจทำให้เกิดอาการคันในปากและลำคอ
- ไม่ควรบริโภคบอนที่ขึ้นรา หรือเน่าเสีย เพราะอาจมีสารพิษปนเปื้อน
- ควรเลือกบริโภคสายพันธุ์ที่ปลอดภัยและผ่านการเพาะปลูกอย่างถูกวิธี
การนำบอนไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ
นอกจากใช้เป็นอาหารแล้ว บอนยังสามารถนำไปใช้ในด้านอื่น ๆ ได้อีก เช่น:
- ใช้เป็นอาหารสัตว์ – ใบและหัวบอนสามารถใช้เป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงบางชนิด เช่น หมู และเป็ด
- ใช้ในอุตสาหกรรม – แป้งจากหัวบอนสามารถใช้ทำเป็นแป้งอาหาร หรือนำไปผลิตเป็นขนมขบเคี้ยว
- ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ – บอนสีเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักต้นไม้ เนื่องจากมีลวดลายและสีสันที่สวยงาม
สรุป
บอน (Colocasia esculenta) เป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลาย สามารถนำมาใช้เป็นอาหาร สมุนไพร และวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่ปลูกง่าย และสามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกบริโภคสายพันธุ์ที่ปลอดภัย และปรุงสุกก่อนรับประทานเสมอ เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคืองจากสารแคลเซียมออกซาเลต บอนจึงเป็นอีกหนึ่งพืชที่ควรค่าแก่การศึกษาและนำมาใช้ประโยชน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด