กล้วยหอมคาเวนดิช (Cavendish Banana) เป็นสายพันธุ์กล้วยหอมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูง เหมาะสำหรับการปลูกเพื่อบริโภคในประเทศและการส่งออก โดยเฉพาะตลาดจีน ญี่ปุ่น และยุโรป ซึ่งมีกล้วยหอมเป็นผลไม้หลักที่บริโภคกันอย่างแพร่หลาย
กล้วยหอมคาเวนดิชมีจุดเด่นที่แตกต่างจากกล้วยหอมทอง เนื่องจากมีเปลือกที่หนา ทนต่อการขนส่ง ทำให้สามารถจัดเก็บและขนส่งระยะไกลได้ง่ายกว่ากล้วยหอมทั่วไป ส่งผลให้กล้วยชนิดนี้กลายเป็นพืชที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในธุรกิจเกษตร
ลักษณะของกล้วยหอมคาเวนดิช
1. ลักษณะทางกายภาพ
- ผลกล้วยมีขนาดใหญ่และยาว ประมาณ 15–20 เซนติเมตร
- เปลือกหนา สีเขียวเข้ม เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน
- เนื้อแน่น รสชาติหวานอ่อน
- เปลือกหนาทำให้ทนต่อการขนส่งและการเก็บรักษาได้นานขึ้น
2. จุดเด่นของกล้วยหอมคาเวนดิช
- ทนทานต่อการขนส่งไกล
- เป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศ
- ปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว
- ราคาขายดี มีตลาดรองรับ

การปลูกกล้วยหอมคาเวนดิช
1. การเลือกพื้นที่ปลูก
- กล้วยหอมคาเวนดิชต้องการพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดตลอดวัน
- ควรเป็นดินร่วนปนทราย หรือดินที่มีการระบายน้ำดี
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีน้ำขัง เพราะอาจทำให้รากเน่า
2. การเตรียมดินและการปลูก
- ระยะปลูก ควรปลูกในระยะ 2.5 x 2.5 เมตร (ประมาณ 160-200 ต้นต่อไร่)
- การเตรียมหลุมปลูก ขุดหลุมขนาด 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองพื้นด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- วิธีการปลูก ใช้หน่อพันธุ์คุณภาพดี หรือพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
3. การดูแลรักษา
- การให้น้ำ ควรรดน้ำทุกวันช่วงแรก และลดลงเหลือสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง เมื่อกล้วยโตขึ้น
- การให้ปุ๋ย
- ปุ๋ยอินทรีย์ ใส่ทุกเดือนเพื่อบำรุงดิน
- ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 13-13-21 ใส่ทุก 45 วัน
- การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชรอบต้นเพื่อป้องกันการแย่งอาหาร
4. การป้องกันโรคและแมลง
- โรคตายพราย ควรเลือกพันธุ์ที่มีภูมิต้านทาน และปลูกในดินที่ไม่เคยปลูกกล้วยมาก่อน
- แมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้งและหนอนเจาะผล ควรควบคุมโดยใช้สารชีวภัณฑ์
5. การเก็บเกี่ยว
- กล้วยจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 8–10 เดือนหลังปลูก
- ควรเก็บเกี่ยวเมื่อผลเริ่มกลม ไม่มีเหลี่ยม เปลือกยังเป็นสีเขียว แต่เริ่มมีสีเหลืองอ่อน
- น้ำหนักผลต่อเครือเฉลี่ย 15–20 กิโลกรัม
ตลาดและโอกาสทางธุรกิจของกล้วยหอมคาเวนดิช
1. ตลาดในประเทศและตลาดส่งออก
- ตลาดหลักของกล้วยหอมคาเวนดิชอยู่ที่จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรป
- ราคากล้วยหอมคาเวนดิชในตลาดส่งออกอยู่ที่ 6-12 บาทต่อกิโลกรัม
- มีโรงงานรับซื้อหลายแห่งที่นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น กล้วยตาก กล้วยอบแห้ง
2. ช่องทางการขายกล้วยหอมคาเวนดิช
- ขายให้โรงงานแปรรูป มีผู้ประกอบการรับซื้อเพื่อส่งออก
- ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada
- ส่งออกโดยตรง หากมีมาตรฐาน GAP, Organic สามารถส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้

สหกรณ์และตลาดรับซื้อกล้วยหอมคาเวนดิชในไทย
1. ตลาดค้าส่งหลัก
- ตลาดไท ศูนย์กลางค้าส่งกล้วยที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
- ตลาดสี่มุมเมือง จุดกระจายสินค้าสำคัญของไทย
2. สหกรณ์และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่รับซื้อกล้วยหอมคาเวนดิช
- สหกรณ์การเกษตรศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย รับซื้อกล้วยหอมคาเวนดิชเพื่อส่งออก
- วิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมลพบุรี แปรรูปและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กล้วยหอม
ข้อควรระวังในการปลูกกล้วยหอมคาเวนดิช
- โรคตายพราย (Panama Disease) เป็นโรคร้ายแรงที่สามารถทำลายสวนกล้วยทั้งแปลงได้ ควรปลูกในดินที่ไม่เคยปลูกกล้วยมาก่อน และเลือกพันธุ์ที่มีความต้านทาน
- ราคาผันผวน ควรศึกษาตลาดก่อนปลูก และมองหาช่องทางจำหน่ายล่วงหน้า
- มาตรฐานการผลิต หากต้องการส่งออก ต้องผ่านมาตรฐาน GAP, Organic หรือ GMP
สรุป
- กล้วยหอมคาเวนดิชเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูง
- มีตลาดรองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีนและยุโรป
- สามารถปลูกได้ง่าย ให้ผลผลิตเร็ว และราคาขายดี
- การขายผ่านตลาดค้าส่ง สหกรณ์ และแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นช่องทางที่ช่วยให้ได้ราคาสูงขึ้น
กล้วยหอมคาเวนดิชเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเกษตรกรที่ต้องการลงทุนในพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคต หากมีการวางแผนการปลูกและการตลาดที่ดี ก็สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนได้