ฟัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฟักเขียว และ ฟักหม่น (Benincasa hispida) เป็นพืชในตระกูล Cucurbitaceae เช่นเดียวกับฟักทองและแตงกวา เป็นพืชเถาเลื้อยที่สามารถปลูกได้ง่ายในเขตร้อนชื้น ฟักมีเนื้อสัมผัสแน่น รสชาติอ่อน และสามารถนำไปใช้ในอาหารได้หลากหลาย ไม่เพียงแต่เป็นผักที่ใช้ประกอบอาหารเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Benincasa hispida
- วงศ์: Cucurbitaceae
- ลำต้น: เป็นเถาเลื้อย มีขนอ่อนปกคลุม
- ใบ: ใบขนาดใหญ่ รูปทรงคล้ายใบตำลึง ขอบใบหยักเล็กน้อย
- ดอก: สีเหลืองสด ออกเป็นดอกเดี่ยว
- ผล: รูปร่างทรงกระบอกหรือกลมรี เปลือกมีสีเขียวเข้มหรือมีนวลแป้งสีขาวปกคลุม เนื้อในสีขาวแน่น
- เมล็ด: ขนาดเล็ก สีขาวครีม รูปทรงรี
- อายุการเก็บเกี่ยว: ประมาณ 60-90 วันหลังปลูก
ชื่อเรียกในแต่ละภูมิภาคของไทย
- ภาคกลาง: ฟัก ฟักเขียว
- ภาคเหนือ: ฟักหม่น
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ฟักขาว
- ภาคใต้: ฟักขี้นก
ประโยชน์ของฟัก
- ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารในฟักช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน – ฟักมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ช่วยลดความดันโลหิต – มีโพแทสเซียมที่ช่วยควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกายและลดความดันโลหิต
- ช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย – ฟักมีฤทธิ์เย็น จึงช่วยคลายร้อนและบรรเทาอาการร้อนใน
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก – มีแคลอรี่ต่ำและเส้นใยสูง ทำให้รู้สึกอิ่มนานและช่วยลดปริมาณการบริโภคอาหาร
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ – สารต้านอนุมูลอิสระในฟักช่วยลดการเกิดริ้วรอยและทำให้ผิวชุ่มชื้น
- ใช้ในตำรับยาแผนไทย – เปลือกและเมล็ดของฟักใช้เป็นยาขับปัสสาวะและบรรเทาอาการร้อนใน
การนำฟักไปใช้ในอาหาร
- แกงจืดฟัก – เมนูยอดนิยมที่นำฟักไปต้มกับซุปและเนื้อสัตว์ เช่น กระดูกหมู หรือเต้าหู้
- ฟักตุ๋น – ตุ๋นกับซุปเครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติและความนุ่มของเนื้อฟัก
- ผัดฟัก – ผัดกับไข่หรือเนื้อสัตว์ เพิ่มรสชาติและความหอม
- ฟักเชื่อม – เมนูของหวานที่นำฟักไปต้มกับน้ำตาลเพื่อให้รสชาติหวานละมุน
- น้ำฟัก – นำฟักไปคั้นน้ำ ดื่มเพื่อความสดชื่นและช่วยขับปัสสาวะ
- ฟักทอดกรอบ – หั่นฟักเป็นชิ้นบาง ๆ ทอดกับแป้งเพื่อทำของว่าง
วิธีปลูกและดูแลฟัก
- การเตรียมดิน – ควรใช้ดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ค่า pH 5.5-6.5
- แสงแดด – ควรปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน
- การรดน้ำ – รดน้ำวันละครั้ง หลีกเลี่ยงน้ำขังเพื่อลดปัญหาโรครากเน่า
- การใส่ปุ๋ย – ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มสารอาหารให้ดิน
- การทำค้าง – ทำค้างให้เถาเลื้อยขึ้นเพื่อช่วยลดปัญหาการติดเชื้อราจากความชื้นในดิน
- การป้องกันโรคและแมลง – ระวังโรคเชื้อรา เพลี้ยไฟ และหนอนเจาะเถา ควรหมั่นตรวจสอบแปลงปลูกเป็นประจำ
- การเก็บเกี่ยว – ฟักสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีขนาดเต็มที่และเปลือกเริ่มแข็ง
แหล่งปลูกฟักในประเทศไทย
ฟักสามารถปลูกได้ทั่วประเทศ แต่พื้นที่ที่นิยมปลูก ได้แก่:
- ภาคกลาง: จังหวัดนครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี
- ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน พิษณุโลก
- ภาคใต้: จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช
ฤดูปลูกฟัก
- ฤดูแล้ง (พฤศจิกายน – เมษายน): ฟักเติบโตได้ดีในช่วงอากาศแห้ง
- ฤดูฝน (พฤษภาคม – ตุลาคม): ควรปลูกในพื้นที่ที่มีการระบายน้ำดี เพื่อลดปัญหาโรครากเน่าและเชื้อรา
ตลาดและการจำหน่ายฟัก
ฟักเป็นผักที่มีตลาดรองรับทั้งในประเทศและส่งออก โดยแบ่งเป็น:
- ตลาดภายในประเทศ
- ตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า
- โรงงานแปรรูปอาหาร เช่น อุตสาหกรรมซุปและอาหารกระป๋อง
- ร้านอาหารที่ใช้ฟักเป็นส่วนประกอบ
- ตลาดส่งออก
- ฟักไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
- นิยมส่งออกในรูปแบบฟักสด และฟักแปรรูป เช่น น้ำฟัก และฟักอบแห้ง
ข้อควรระวัง
- ควรล้างให้สะอาดก่อนบริโภค – เพื่อลดสารเคมีตกค้าง
- ไม่ควรรับประทานฟักดิบในปริมาณมากเกินไป – อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียในบางคน
- ควรเลือกฟักที่มีเปลือกแข็ง ไม่มีรอยช้ำ – เพื่อให้ได้ผลที่มีคุณภาพดี
สรุป
ฟัก (Ash Gourd) เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งในอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่ม การปลูกฟักสามารถทำได้ง่ายและให้ผลผลิตเร็ว จึงเป็นพืชที่เหมาะสำหรับเพาะปลูกในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์