แฟง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Wax Gourd หรือ Winter Melon (Benincasa hispida) เป็นพืชในตระกูล Cucurbitaceae เช่นเดียวกับฟักทองและแตงกวา เป็นพืชเถาเลื้อยที่สามารถปลูกได้ง่ายในเขตร้อนชื้น แฟงเป็นผักที่นิยมนำมาประกอบอาหาร เนื่องจากมีรสชาติอ่อน เนื้อสัมผัสนุ่ม และสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายเมนู นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Benincasa hispida
  • วงศ์: Cucurbitaceae
  • ลำต้น: เป็นเถาเลื้อย มีขนอ่อนปกคลุม
  • ใบ: ใบขนาดใหญ่ รูปทรงคล้ายใบตำลึง ขอบใบหยักเล็กน้อย
  • ดอก: สีเหลืองสด ออกเป็นดอกเดี่ยว
  • ผล: รูปร่างทรงกระบอกหรือกลมรี เปลือกมีสีเขียวอ่อนหรือขาว และมีนวลแป้งสีขาวปกคลุม เนื้อในสีขาวหรือเหลืองนวล เนื้อสัมผัสนุ่ม
  • เมล็ด: ขนาดเล็ก สีขาวครีม รูปทรงรี

คุณประโยชน์ของแฟง

  1. ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารในแฟงช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
  2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน – แฟงมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  3. ช่วยลดความดันโลหิต – มีโพแทสเซียมที่ช่วยควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกายและลดความดันโลหิต
  4. ช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย – แฟงมีฤทธิ์เย็น จึงช่วยคลายร้อนและบรรเทาอาการร้อนใน
  5. ช่วยควบคุมน้ำหนัก – มีแคลอรี่ต่ำและเส้นใยสูง ทำให้รู้สึกอิ่มนานและช่วยลดปริมาณการบริโภคอาหาร
  6. ช่วยบำรุงผิวพรรณ – สารต้านอนุมูลอิสระในแฟงช่วยลดการเกิดริ้วรอยและทำให้ผิวชุ่มชื้น

การนำแฟงไปใช้ในอาหาร

  • แกงจืดแฟง – เมนูยอดนิยมที่นำแฟงไปต้มกับซุปและเนื้อสัตว์ เช่น กระดูกหมู หรือเต้าหู้
  • ผัดแฟง – ผัดกับไข่หรือเนื้อสัตว์ เพิ่มรสชาติและความหอม
  • แฟงตุ๋น – ตุ๋นกับซุปเครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติและความนุ่มของเนื้อแฟง
  • แฟงเชื่อม – เมนูของหวานที่นำแฟงไปต้มกับน้ำตาลเพื่อให้รสชาติหวานละมุน
  • น้ำแฟง – นำแฟงไปคั้นน้ำ ดื่มเพื่อความสดชื่นและช่วยขับปัสสาวะ

วิธีปลูกและดูแลแฟง

  1. การเตรียมดิน – ควรใช้ดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ค่า pH 5.5-6.5
  2. แสงแดด – ควรปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน
  3. การรดน้ำ – รดน้ำวันละครั้ง หลีกเลี่ยงน้ำขังเพื่อลดปัญหาโรครากเน่า
  4. การใส่ปุ๋ย – ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มสารอาหารให้ดิน
  5. การทำค้าง – ทำค้างให้เถาเลื้อยขึ้นเพื่อช่วยลดปัญหาการติดเชื้อราจากความชื้นในดิน
  6. การป้องกันโรคและแมลง – ระวังโรคเชื้อรา เพลี้ยไฟ และหนอนเจาะเถา ควรหมั่นตรวจสอบแปลงปลูกเป็นประจำ
  7. การเก็บเกี่ยว – แฟงสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 60-90 วันหลังปลูก หรือเมื่อผลมีขนาดเต็มที่และเปลือกเริ่มแข็ง

แหล่งปลูกแฟงในประเทศไทย

แฟงสามารถปลูกได้ทั่วประเทศ แต่พื้นที่ที่นิยมปลูก ได้แก่:

  • ภาคกลาง: จังหวัดนครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี
  • ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน พิษณุโลก
  • ภาคใต้: จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช

ฤดูปลูกแฟง

  • ฤดูแล้ง (พฤศจิกายน – เมษายน): แฟงเติบโตได้ดีในช่วงอากาศแห้ง
  • ฤดูฝน (พฤษภาคม – ตุลาคม): ควรปลูกในพื้นที่ที่มีการระบายน้ำดี เพื่อลดปัญหาโรครากเน่าและเชื้อรา

ตลาดและการจำหน่ายแฟง

แฟงเป็นผักที่มีตลาดรองรับทั้งในประเทศและส่งออก โดยแบ่งเป็น:

  1. ตลาดภายในประเทศ
    • ตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า
    • โรงงานแปรรูปอาหาร เช่น อุตสาหกรรมซุปและอาหารกระป๋อง
    • ร้านอาหารที่ใช้แฟงเป็นส่วนประกอบ
  2. ตลาดส่งออก
    • แฟงไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
    • นิยมส่งออกในรูปแบบแฟงสด และแฟงแปรรูป เช่น น้ำแฟง และแฟงอบแห้ง

ข้อควรระวัง

  • ควรล้างให้สะอาดก่อนบริโภค – เพื่อลดสารเคมีตกค้าง
  • ไม่ควรรับประทานแฟงดิบในปริมาณมากเกินไป – อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียในบางคน
  • ควรเลือกแฟงที่มีเปลือกแข็ง ไม่มีรอยช้ำ – เพื่อให้ได้ผลที่มีคุณภาพดี

สรุป

แฟง (Winter Melon) เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งในอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่ม การปลูกแฟงสามารถทำได้ง่ายและให้ผลผลิตเร็ว จึงเป็นพืชที่เหมาะสำหรับเพาะปลูกในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์