แฟง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Wax Gourd หรือ Winter Melon (Benincasa hispida) เป็นพืชในตระกูล Cucurbitaceae เช่นเดียวกับฟักทองและแตงกวา เป็นพืชเถาเลื้อยที่สามารถปลูกได้ง่ายในเขตร้อนชื้น แฟงเป็นผักที่นิยมนำมาประกอบอาหาร เนื่องจากมีรสชาติอ่อน เนื้อสัมผัสนุ่ม และสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายเมนู นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Benincasa hispida
- วงศ์: Cucurbitaceae
- ลำต้น: เป็นเถาเลื้อย มีขนอ่อนปกคลุม
- ใบ: ใบขนาดใหญ่ รูปทรงคล้ายใบตำลึง ขอบใบหยักเล็กน้อย
- ดอก: สีเหลืองสด ออกเป็นดอกเดี่ยว
- ผล: รูปร่างทรงกระบอกหรือกลมรี เปลือกมีสีเขียวอ่อนหรือขาว และมีนวลแป้งสีขาวปกคลุม เนื้อในสีขาวหรือเหลืองนวล เนื้อสัมผัสนุ่ม
- เมล็ด: ขนาดเล็ก สีขาวครีม รูปทรงรี
คุณประโยชน์ของแฟง
- ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารในแฟงช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน – แฟงมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ช่วยลดความดันโลหิต – มีโพแทสเซียมที่ช่วยควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกายและลดความดันโลหิต
- ช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย – แฟงมีฤทธิ์เย็น จึงช่วยคลายร้อนและบรรเทาอาการร้อนใน
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก – มีแคลอรี่ต่ำและเส้นใยสูง ทำให้รู้สึกอิ่มนานและช่วยลดปริมาณการบริโภคอาหาร
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ – สารต้านอนุมูลอิสระในแฟงช่วยลดการเกิดริ้วรอยและทำให้ผิวชุ่มชื้น
การนำแฟงไปใช้ในอาหาร
- แกงจืดแฟง – เมนูยอดนิยมที่นำแฟงไปต้มกับซุปและเนื้อสัตว์ เช่น กระดูกหมู หรือเต้าหู้
- ผัดแฟง – ผัดกับไข่หรือเนื้อสัตว์ เพิ่มรสชาติและความหอม
- แฟงตุ๋น – ตุ๋นกับซุปเครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติและความนุ่มของเนื้อแฟง
- แฟงเชื่อม – เมนูของหวานที่นำแฟงไปต้มกับน้ำตาลเพื่อให้รสชาติหวานละมุน
- น้ำแฟง – นำแฟงไปคั้นน้ำ ดื่มเพื่อความสดชื่นและช่วยขับปัสสาวะ
วิธีปลูกและดูแลแฟง
- การเตรียมดิน – ควรใช้ดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ค่า pH 5.5-6.5
- แสงแดด – ควรปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน
- การรดน้ำ – รดน้ำวันละครั้ง หลีกเลี่ยงน้ำขังเพื่อลดปัญหาโรครากเน่า
- การใส่ปุ๋ย – ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มสารอาหารให้ดิน
- การทำค้าง – ทำค้างให้เถาเลื้อยขึ้นเพื่อช่วยลดปัญหาการติดเชื้อราจากความชื้นในดิน
- การป้องกันโรคและแมลง – ระวังโรคเชื้อรา เพลี้ยไฟ และหนอนเจาะเถา ควรหมั่นตรวจสอบแปลงปลูกเป็นประจำ
- การเก็บเกี่ยว – แฟงสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 60-90 วันหลังปลูก หรือเมื่อผลมีขนาดเต็มที่และเปลือกเริ่มแข็ง
แหล่งปลูกแฟงในประเทศไทย
แฟงสามารถปลูกได้ทั่วประเทศ แต่พื้นที่ที่นิยมปลูก ได้แก่:
- ภาคกลาง: จังหวัดนครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี
- ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน พิษณุโลก
- ภาคใต้: จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช
ฤดูปลูกแฟง
- ฤดูแล้ง (พฤศจิกายน – เมษายน): แฟงเติบโตได้ดีในช่วงอากาศแห้ง
- ฤดูฝน (พฤษภาคม – ตุลาคม): ควรปลูกในพื้นที่ที่มีการระบายน้ำดี เพื่อลดปัญหาโรครากเน่าและเชื้อรา
ตลาดและการจำหน่ายแฟง
แฟงเป็นผักที่มีตลาดรองรับทั้งในประเทศและส่งออก โดยแบ่งเป็น:
- ตลาดภายในประเทศ
- ตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า
- โรงงานแปรรูปอาหาร เช่น อุตสาหกรรมซุปและอาหารกระป๋อง
- ร้านอาหารที่ใช้แฟงเป็นส่วนประกอบ
- ตลาดส่งออก
- แฟงไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
- นิยมส่งออกในรูปแบบแฟงสด และแฟงแปรรูป เช่น น้ำแฟง และแฟงอบแห้ง
ข้อควรระวัง
- ควรล้างให้สะอาดก่อนบริโภค – เพื่อลดสารเคมีตกค้าง
- ไม่ควรรับประทานแฟงดิบในปริมาณมากเกินไป – อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียในบางคน
- ควรเลือกแฟงที่มีเปลือกแข็ง ไม่มีรอยช้ำ – เพื่อให้ได้ผลที่มีคุณภาพดี
สรุป
แฟง (Winter Melon) เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งในอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่ม การปลูกแฟงสามารถทำได้ง่ายและให้ผลผลิตเร็ว จึงเป็นพืชที่เหมาะสำหรับเพาะปลูกในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์