มะแว้ง (Solanum indicum L.) เป็นพืชสมุนไพรที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทยและหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการใช้มะแว้งเป็นส่วนประกอบของยาแผนไทยมาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากมีสรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น แก้ไอ ขับเสมหะ และช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ นอกจากคุณค่าทางยาแล้ว มะแว้งยังสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารพื้นบ้านบางชนิดอีกด้วย
ชื่อเรียกในแต่ละภาคของประเทศไทย
- ภาคเหนือ: มะแคว้ง, มะแคว้งขม
- ภาคกลาง: มะแว้ง
- ภาคอีสาน: หมากแข้ง, หมากแข้งขม
- ภาคใต้: แว้งคม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ลำต้น: เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นมีขนาดเล็ก มีขนนุ่มสีเทาปกคลุม และมีหนามแหลมกระจายอยู่ทั่วต้น
- ใบ: ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรี ขอบใบหยักเว้ามนเล็กน้อย กว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบมีขนสั้น ๆ ปกคลุม
- ดอก: ออกเป็นกระจุกที่ง่ามใบหรือปลายกิ่ง มี 3-6 ดอกต่อกระจุก ดอกสีม่วงอ่อน ใจกลางดอกมีเกสรเพศผู้สีเหลือง 5 อัน ปลายกลีบดอกแยกออกเป็น 5 แฉก คล้ายรูปดาว
- ผล: ทรงกลม ผิวเรียบ ผลอ่อนสีเขียวหรือขาวไม่มีลาย เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มหรือสีเหลืองอมส้ม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดรูปกลมแบน สีน้ำตาลอ่อน
คุณค่าทางโภชนาการ
มะแว้งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญ ในปริมาณ 100 กรัม มีสารอาหารดังนี้:
- พลังงาน: 35 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 8 กรัม
- โปรตีน: 1.2 กรัม
- ไขมัน: 0.3 กรัม
- วิตามินซี: สูง
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส: มีปริมาณปานกลาง
สรรพคุณทางยา
- แก้ไอ ขับเสมหะ – ผลสดสามารถเคี้ยวรับประทานหรือคั้นน้ำมาดื่ม
- ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ – ใช้ผลสดหรือต้มกับน้ำเป็นยาอม
- บำรุงระบบทางเดินอาหาร – ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด – มีการวิจัยว่ามะแว้งอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ
การใช้มะแว้งในอาหาร
- ทานสด: ผลอ่อนสามารถรับประทานสดเป็นผักจิ้มน้ำพริก
- ยำ: นำผลมะแว้งมาประกอบอาหารเป็นยำเพื่อเพิ่มรสชาติ
- ชามะแว้ง: ต้มน้ำจากผลมะแว้งเพื่อดื่มบรรเทาอาการไอ
วิธีการปลูกมะแว้ง
- การเตรียมดิน – ควรเป็นดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี
- การเพาะเมล็ด – เพาะเมล็ดลงในแปลงเพาะหรือถุงเพาะชำก่อนย้ายปลูก
- การดูแลรักษา – รดน้ำอย่างสม่ำเสมอและให้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเสริมการเจริญเติบโต
- การเก็บเกี่ยว – สามารถเก็บผลอ่อนได้ภายใน 60-90 วันหลังปลูก
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรบริโภคดิบในปริมาณมาก – เนื่องจากมีสารโซลานีนที่อาจเป็นพิษหากบริโภคมากเกินไป
- ผู้ที่แพ้พืชในตระกูล Solanaceae ควรหลีกเลี่ยง – อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
- ควรเลือกมะแว้งที่สดและปลอดสารพิษ – เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการบริโภค
สรุป
มะแว้งเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนำไปใช้ทำอาหารได้หลากหลายรูปแบบ นอกจากเป็นอาหารพื้นบ้านแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาและช่วยส่งเสริมสุขภาพหลายด้าน การปลูกและดูแลมะแว้งไม่ยุ่งยาก จึงเหมาะสำหรับการปลูกในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ การบริโภคมะแว้งในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี