ยี่หร่า (Ocimum gratissimum) เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในวงศ์เดียวกับกะเพราและโหระพา นิยมใช้เป็นเครื่องเทศในอาหารหลากหลายประเภท ไม่เพียงแต่เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับอาหารเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณทางยาที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ในบางท้องถิ่นของไทย ยี่หร่ายังมีชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น จั๋นจ้อ, กะเพราญวน, โหระพาช้าง, กะเพราควาย, หอมป้อม, เนียมต้น และหร่า
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของยี่หร่า
- ลำต้น: เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลแก่ แตกกิ่งก้านสาขาขนาดเล็ก
- ใบ: เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน รูปกลมรี โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ใบสีเขียวสด ผิวใบสากมือ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
- ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกย่อยขนาดเล็ก สีขาวหรือสีชมพู เรียงเป็นชั้นคล้ายฉัตร
- ผล: มีลักษณะเป็นรูปกลมรี ขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร เมื่อสุกจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ภายในมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก

คุณค่าทางโภชนาการของยี่หร่า (ต่อ 100 กรัม)
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
เส้นใยอาหาร | 26.8 กรัม |
ไขมัน | 0.6 กรัม |
โปรตีน | 14.5 กรัม |
วิตามินบี 1 | 0.10 มิลลิกรัม |
วิตามินบี 2 | 0.25 มิลลิกรัม |
วิตามินบี 3 | 0.62 มิลลิกรัม |
ธาตุแคลเซียม | 2 มิลลิกรัม |
ธาตุฟอสฟอรัส | 215 มิลลิกรัม |
ธาตุเหล็ก | 25.5 มิลลิกรัม |
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ต่อสุขภาพ
- ช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการปวดท้องจากอาหารไม่ย่อย
- บำรุงธาตุ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
- ขับเหงื่อ ช่วยลดไข้และขับสารพิษออกจากร่างกาย
- ลดการหดเกร็ง มีฤทธิ์ช่วยลดการหดเกร็งของลำไส้และมดลูก บรรเทาอาการปวดประจำเดือน
- แก้คลื่นไส้และอาเจียน ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้
- ต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง

การนำยี่หร่าไปใช้ในอาหาร
1. เมนูอาหารที่ใช้ยี่หร่า
- แกงเผ็ด – ใช้ใบยี่หร่าเพิ่มกลิ่นหอมและรสเผ็ดร้อนให้กับแกงเผ็ด
- แกงกะหรี่ – ใส่เมล็ดยี่หร่าหรือใบยี่หร่าเพื่อเพิ่มกลิ่นเครื่องเทศ
- ลาบและน้ำตก – ใช้ใบยี่หร่าหั่นละเอียดเพื่อเพิ่มรสชาติหอมอร่อย
- ผัดเผ็ด – ใช้ใบสดของยี่หร่าใส่ในเมนูผัดเผ็ดเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติและดับกลิ่นคาว
- ซุปอินเดียและเม็กซิกัน – เมล็ดยี่หร่าถูกนำไปใช้ในซุปและอาหารตุ๋นต่าง ๆ เช่น ซุปเครื่องเทศของอินเดียและเม็กซิกัน
2. การใช้เมล็ดยี่หร่าแห้ง
- เครื่องเทศบด – เมล็ดยี่หร่าแห้งสามารถนำไปบดเป็นผงเพื่อใช้เป็นเครื่องเทศในอาหาร
- หมักเนื้อสัตว์ – นำเมล็ดยี่หร่ามาบดและผสมกับเครื่องปรุงเพื่อหมักเนื้อสัตว์ให้มีกลิ่นหอม
- น้ำชาสมุนไพร – เมล็ดยี่หร่าแห้งสามารถนำไปต้มน้ำเพื่อทำเป็นชาสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการแน่นท้องและช่วยย่อยอาหาร
- แต่งกลิ่นขนมปัง – นิยมใช้ในขนมปังฝรั่ง เช่น ขนมปังอินเดีย (Naan) หรือขนมปังฝรั่งเศสบางชนิด
- น้ำมันหอมระเหย – เมล็ดแห้งสามารถใช้สกัดน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการเครียดและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
การปลูกยี่หร่า
ยี่หร่าเป็นพืชที่ปลูกง่ายและสามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและแปลงดิน
1. วิธีการปลูก
- เพาะเมล็ด: หว่านเมล็ดลงในแปลงเพาะต้นกล้า รดน้ำสม่ำเสมอ 7-10 วันจะเริ่มงอก
- ปักชำกิ่ง: นำกิ่งที่มีรากติดมาปักลงในดินที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ดินชุ่มชื้น
2. การดูแลรักษา
- รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกทุก 2 สัปดาห์ เพื่อบำรุงดินและช่วยให้ต้นโตเร็ว
- กำจัดวัชพืชรอบโคนต้น เพื่อป้องกันการแย่งสารอาหาร
ข้อควรระวังในการบริโภคยี่หร่า
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคยี่หร่า เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อฮอร์โมนและการตั้งครรภ์
- ผู้ป่วยเบาหวาน: ยี่หร่าอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค
- ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด: ควรงดบริโภคยี่หร่าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพื่อป้องกันปัญหาระหว่างการผ่าตัด
สรุป
ยี่หร่าเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาหลากหลาย สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเทศในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และบรรเทาอาการปวดประจำเดือน นอกจากนี้ เมล็ดยี่หร่าแห้งยังสามารถนำไปใช้ในอาหาร ขนมปัง ชาสมุนไพร และเครื่องปรุงต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะสุขภาพเฉพาะทาง