ลูกพลับ (Persimmon)

ลูกพลับ (Diospyros kaki) ภาษาอังกฤษเรียกว่า Persimmon เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนและญี่ปุ่น นิยมปลูกในภูมิอากาศที่เย็นถึงอบอุ่น ผลของลูกพลับมีรสชาติหวาน เนื้อสัมผัสนุ่มหรือกรอบขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สีของผลมีตั้งแต่เหลืองทองจนถึงส้มเข้ม และเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกทั้งยังได้รับความนิยมในการรับประทานสดและแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของลูกพลับ

  • ต้น: เป็นไม้ผลยืนต้น ขนาดกลางถึงใหญ่ สูงประมาณ 4-15 เมตร มีลำต้นแข็งแรง เปลือกสีน้ำตาลอมเทา
  • ใบ: เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรีถึงรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบมัน สีเขียวเข้มในฤดูร้อน และเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง
  • ดอก: มีสีขาวนวลถึงเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอาจอยู่ในต้นเดียวกันหรือต่างต้นกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
  • ผล: มีลักษณะกลมหรือรี เปลือกเรียบมัน เนื้อในมีสีเหลืองถึงส้มเข้ม รสชาติหวาน เนื้อนุ่มหรือกรอบขึ้นอยู่กับพันธุ์
  • เมล็ด: บางพันธุ์มีเมล็ด บางพันธุ์ไม่มี เมล็ดมีลักษณะแบนรี สีน้ำตาลเข้ม
ลูกพลับ (Persimmon)

สายพันธุ์ของลูกพลับที่นิยมปลูก

  1. ลูกพลับพันธุ์ฮะจิยะ (Hachiya Persimmon) – รูปทรงคล้ายหยดน้ำ ต้องรับประทานเมื่อสุกเต็มที่เท่านั้น มิฉะนั้นจะมีรสฝาด
  2. ลูกพลับพันธุ์ฟูยู (Fuyu Persimmon) – มีลักษณะกลมแบน สามารถรับประทานได้ตั้งแต่ยังกรอบจนถึงสุก
  3. ลูกพลับพันธุ์ชารอน (Sharon Fruit) – ไม่มีเมล็ด รสหวาน เนื้อกรอบ
  4. ลูกพลับพันธุ์จิโร (Jiro Persimmon) – รูปร่างคล้ายพันธุ์ฟูยู แต่มีขนาดเล็กกว่าและมีเนื้อแน่น

แหล่งปลูกลูกพลับในประเทศไทย

ลูกพลับต้องการสภาพอากาศที่เย็นถึงอบอุ่นเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี แหล่งปลูกหลักในประเทศไทย ได้แก่:

  • ภาคเหนือ: เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง และน่าน ซึ่งมีอากาศเย็นเหมาะสม
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: บางพื้นที่ของเพชรบูรณ์และเลย
  • ภาคกลางและภาคตะวันตก: มีการปลูกบ้างในพื้นที่สูงของราชบุรีและกาญจนบุรี

ฤดูกาลเก็บเกี่ยวลูกพลับ

  • ออกดอก: ช่วง เมษายน – มิถุนายน
  • ผลสุกและเก็บเกี่ยวได้: ช่วง กันยายน – พฤศจิกายน
  • ช่วงที่ผลผลิตออกมากที่สุด: ตุลาคม

คุณค่าทางโภชนาการของลูกพลับ (ต่อ 100 กรัม)

สารอาหารปริมาณ
พลังงาน70 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต18.6 กรัม
น้ำตาล12.5 กรัม
ใยอาหาร3.6 กรัม
วิตามินซี7.5 มิลลิกรัม
วิตามินเอ81 ไมโครกรัม
แคลเซียม8 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก0.15 มิลลิกรัม

ลูกพลับเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย


ประโยชน์ของลูกพลับต่อสุขภาพ

  1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – มีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของโรคหวัด
  2. ช่วยบำรุงสายตา – เบต้าแคโรทีนและลูทีนช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา
  3. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น – ใยอาหารสูงช่วยลดอาการท้องผูก
  4. ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด – มีคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมช้า ลดการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว
  5. บำรุงหัวใจและหลอดเลือด – สารฟลาโวนอยด์ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
  6. ช่วยบำรุงผิวพรรณ – วิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ลูกพลับ (Persimmon)

การแปรรูปและการนำลูกพลับไปใช้ประโยชน์

1. การบริโภคสด

  • รับประทานเป็นผลไม้สด
  • ใช้เป็นส่วนประกอบในสลัดผลไม้

2. การแปรรูป

  • ลูกพลับแห้ง – นิยมในญี่ปุ่นและเกาหลี เป็นขนมหวานยอดนิยม
  • แยมลูกพลับ – ใช้ทำแยมที่มีรสหวานและกลิ่นหอม
  • น้ำลูกพลับ – คั้นเป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ
  • ขนมอบและเบเกอรี่ – ใช้ทำเค้ก ขนมปัง และพาย

3. สมุนไพรและยาแผนโบราณ

  • ลูกพลับสุกสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและเสริมสร้างการทำงานของลำไส้

ตลาดและราคาลูกพลับ

  • ลูกพลับสดเกรดพรีเมียม: ราคาประมาณ 80-200 บาทต่อกิโลกรัม
  • ลูกพลับแห้ง: ราคาประมาณ 300-600 บาทต่อกิโลกรัม
  • แยมและน้ำลูกพลับ: ราคาประมาณ 100-250 บาทต่อขวด

สรุป

ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน อร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถรับประทานสดหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยบำรุงสายตา ระบบขับถ่าย หัวใจ และผิวพรรณ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ลูกพลับจึงเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย หากคุณกำลังมองหาผลไม้ที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ ลูกพลับคือผลไม้ที่คุณไม่ควรพลาด!