มะปริง (Bouea oppositifolia) ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Wild Mango หรือ Miniature Gandaria เป็นผลไม้พื้นบ้านของไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มะปริงมีลักษณะคล้ายมะปรางและมะยงชิด แต่มีขนาดเล็กกว่าและมีรสเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ ทำให้มักถูกนำไปใช้ในการปรุงอาหารและแปรรูปเป็นของดองหรือแช่อิ่ม มะปริงเป็นพืชที่มีความทนทาน สามารถเติบโตได้ในหลายสภาพอากาศ และยังมีประโยชน์ทั้งทางอาหารและสมุนไพรอีกด้วย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะปริง
- ต้น: เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร มีลำต้นแข็งแรง กิ่งก้านแตกเป็นพุ่มโปร่ง
- ใบ: เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามกัน มีลักษณะเรียวยาว ปลายแหลม สีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบและมันเงา
- ดอก: ออกเป็นช่อเล็ก ๆ สีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ตามซอกใบและปลายกิ่ง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
- ผล: มีขนาดเล็กกว่ามะปราง รูปทรงรีหรือรูปไข่ ผิวเรียบลื่น ผลดิบมีสีเขียวเข้ม เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม
- เนื้อผล: มีสีเหลืองอมส้ม รสเปรี้ยวจัด เนื้อแน่นและกรอบ
- เมล็ด: มีขนาดเล็กกว่ามะปรางและมะยงชิด มักมีสีม่วงเข้ม
ความแตกต่างระหว่างมะปริง มะปราง และมะยงชิด
คุณสมบัติ | มะปริง | มะปราง | มะยงชิด |
---|---|---|---|
ขนาดผล | เล็กที่สุด | ขนาดกลาง | ใหญ่ที่สุด |
สีของผลสุก | เหลืองอมเขียว | เหลืองทอง | เหลืองอมส้ม |
รสชาติ | เปรี้ยวจัด | หวานหรือหวานอมเปรี้ยว | หวานอมเปรี้ยวและฉ่ำ |
เมล็ด | เล็กกว่า สีม่วงเข้ม | ขนาดใหญ่กว่า | ขนาดเล็ก ไม่มียาง |
แหล่งปลูกมะปริงในประเทศไทย
มะปริงเป็นพืชที่ปลูกได้ง่ายและทนทานต่อสภาพอากาศแห้งแล้ง มักพบในป่าธรรมชาติและสวนผลไม้พื้นบ้าน แหล่งปลูกหลัก ได้แก่:
- ภาคเหนือ: พบในบางพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบาย เช่น เชียงใหม่และลำปาง
- ภาคตะวันออก: พบมากในจันทบุรี ระยอง และตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกผลไม้หลายชนิด
- ภาคกลาง: พบในนครนายก ปราจีนบุรี และราชบุรี
- ภาคใต้: พบในนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสงขลา ซึ่งนิยมปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือน
ฤดูกาลเก็บเกี่ยวมะปริง
- ออกดอก: ช่วง พฤศจิกายน – มกราคม
- ผลสุกและเก็บเกี่ยวได้: ช่วง มีนาคม – พฤษภาคม
- ช่วงที่ผลผลิตออกมากที่สุด: ปลายเดือนมีนาคมถึงเมษายน
คุณค่าทางโภชนาการของมะปริง (ต่อ 100 กรัม)
สารอาหาร | ปริมาณ |
พลังงาน | 45-55 กิโลแคลอรี |
คาร์โบไฮเดรต | 10-12 กรัม |
น้ำตาล | 8-10 กรัม |
ใยอาหาร | 2-3 กรัม |
วิตามินซี | 25-35 มิลลิกรัม |
วิตามินเอ | 400 IU |
แคลเซียม | 8-10 มิลลิกรัม |
ธาตุเหล็ก | 0.2-0.4 มิลลิกรัม |
มะปริงมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และมีใยอาหารที่ช่วยระบบขับถ่าย
ประโยชน์ของมะปริงต่อสุขภาพ
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – วิตามินซีช่วยป้องกันโรคหวัดและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น – ใยอาหารช่วยป้องกันอาการท้องผูก
- บำรุงสายตา – มีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับสายตา
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล – มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด
- เพิ่มความสดชื่นและลดความอ่อนเพลีย – เนื่องจากรสเปรี้ยวของมะปริงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
การแปรรูปและการนำมะปริงไปใช้ประโยชน์
1. การบริโภคสด
- รับประทานกับพริกเกลือ น้ำปลาหวาน หรือน้ำตาลปี๊บ
- ใช้แทนมะม่วงเปรี้ยวในอาหาร เช่น ตำมะปริง แกงส้ม และยำผลไม้
2. การแปรรูป
- มะปริงดอง – นิยมดองเกลือเพื่อให้ได้รสเปรี้ยวจัด
- มะปริงแช่อิ่ม – แปรรูปเป็นขนมหวาน รสชาติหวานอมเปรี้ยว
- น้ำมะปริง – คั้นเป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ
3. อุตสาหกรรมสมุนไพร
- สารสกัดจากมะปริงสามารถนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเครื่องสำอาง
- เปลือกและใบสามารถใช้ทำยาแผนโบราณ แก้อาการไอและลดไข้
ตลาดและราคามะปริง
- มะปริงสดเกรดพรีเมียม: ราคาประมาณ 80-150 บาทต่อกิโลกรัม
- มะปริงทั่วไป: ราคาประมาณ 50-100 บาทต่อกิโลกรัม
- มะปริงดองหรือแช่อิ่ม: ราคาประมาณ 120-250 บาทต่อกิโลกรัม
สรุป
มะปริงเป็นผลไม้พื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งรสชาติเปรี้ยวจัดและกลิ่นหอมอ่อน ๆ สามารถรับประทานสดหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย นอกจากจะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยแล้ว มะปริงยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทำให้เป็นผลไม้ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และส่งเสริมในเชิงพาณิชย์ต่อไป