มะขามเทศ (Pithecellobium dulce) เป็นพืชในตระกูลถั่วที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปอเมริกาใต้และเอเชียใต้ ปัจจุบันได้รับความนิยมปลูกในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ด้วยรสชาติหวานกรอบและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำให้มะขามเทศเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในการบริโภคสด นอกจากนี้ มะขามเทศยังมีสรรพคุณทางยาและเป็นพืชที่สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและการแพทย์แผนโบราณได้อีกด้วย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะขามเทศ
1. ลักษณะของต้น
- มะขามเทศเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร
- ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มโปร่ง เปลือกต้นมีสีน้ำตาลอมเทา
- กิ่งก้านมีหนามแหลม
2. ลักษณะของใบ
- ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น สีเขียวเข้ม
- ใบย่อยรูปไข่กลับหรือรูปรี ขอบใบเรียบ
3. ลักษณะของดอก
- ดอกออกเป็นช่อ มีขนาดเล็ก สีขาวหรือสีเขียวอ่อน
- กลิ่นหอมอ่อน ๆ
4. ลักษณะของผล (ฝักมะขามเทศ)
- ฝักโค้งเป็นปล้อง ขนาดประมาณ 10-15 เซนติเมตร
- เปลือกฝักหนา มีสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือแดง
- เนื้อในฝักมีสีขาวหรือชมพู รสหวาน หรือหวานอมฝาด
- ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มหรือดำ

สายพันธุ์มะขามเทศที่นิยมปลูกในประเทศไทย
- พันธุ์ฝักใหญ่ – ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดน้อย รสหวาน
- พันธุ์ฝักเล็ก – ฝักขนาดเล็ก เมล็ดเยอะ เนื้อน้อย รสหวานอมฝาด
- พันธุ์ฝักแดง – ฝักมีสีแดงเข้ม รสหวานอมเปรี้ยว
- พันธุ์ฝักเขียว – ฝักสีเขียวตลอดอายุผล เนื้อหนา รสหวาน
คุณค่าทางโภชนาการของมะขามเทศ
มะขามเทศอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยใน มะขามเทศ 100 กรัม มีสารอาหารดังนี้
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
พลังงาน | 110 กิโลแคลอรี |
คาร์โบไฮเดรต | 24 กรัม |
ใยอาหาร | 3.5 กรัม |
โปรตีน | 2.5 กรัม |
วิตามินซี | 12 มิลลิกรัม |
แคลเซียม | 80 มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส | 60 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 400 มิลลิกรัม |
สรรพคุณทางยาและประโยชน์ของมะขามเทศ
1. ประโยชน์ทางโภชนาการ
- มีเส้นใยอาหารสูง ช่วยในระบบขับถ่ายและป้องกันอาการท้องผูก
- มีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
2. สรรพคุณทางยา
- เปลือกต้น – ใช้ต้มดื่มแก้อาการท้องร่วง สมานแผลภายใน
- ใบ – ต้มดื่มช่วยลดไข้และแก้ไอ
- เนื้อในฝัก – มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
- เมล็ด – ใช้ทำยาแก้พิษแมลงกัดต่อย
การปลูกและการดูแลมะขามเทศ
1. การเลือกพื้นที่ปลูก
- มะขามเทศสามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่ดินร่วนปนทรายจะให้ผลผลิตดีที่สุด
- ต้องการแสงแดดจัดตลอดวัน
2. การปลูก
- ขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก
- ใช้เมล็ดหรือกิ่งตอนปลูกโดยตรง
3. การดูแลรักษา
- ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรก เมื่อต้นแข็งแรงแล้วสามารถลดการให้น้ำลง
- ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุก 2-3 เดือน
- ตัดแต่งกิ่งที่แห้งออกเพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง
4. การเก็บเกี่ยว
- มะขามเทศจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 1-2 ปี
- เก็บเกี่ยวฝักที่เปลือกเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือแดง
การบริโภคและแปรรูปมะขามเทศ
1. การบริโภคสด
- นิยมรับประทานผลสด โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีรสหวาน
2. การแปรรูป
- มะขามเทศแช่อิ่ม
- มะขามเทศกวน
- เมล็ดมะขามเทศคั่วเกลือ
3. การใช้ในอุตสาหกรรม
- ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
- ใช้ในอุตสาหกรรมสมุนไพรและยา
ตลาดและโอกาสทางธุรกิจของมะขามเทศ
1. ตลาดภายในประเทศ
- มีจำหน่ายในตลาดสดและซูเปอร์มาร์เก็ต
- เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้รักสุขภาพ
2. ตลาดส่งออก
- มีศักยภาพในการส่งออกไปยังประเทศที่มีคนไทยและคนเอเชียอาศัยอยู่
- ความต้องการผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะขามเทศเพิ่มขึ้น
ข้อควรระวังในการบริโภคมะขามเทศ
- ควรล้างมะขามเทศให้สะอาดก่อนรับประทานเพื่อขจัดสารเคมีตกค้าง
- ผู้ที่มีอาการแพ้พืชตระกูลถั่วควรหลีกเลี่ยง
- การบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด
สรุป
- มะขามเทศเป็นผลไม้พื้นบ้านที่มีรสชาติอร่อยและอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
- มีสรรพคุณทางยาและสามารถใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและสมุนไพร
- สามารถปลูกและดูแลได้ง่าย ให้ผลผลิตเร็ว และมีศักยภาพในการสร้างรายได้
- มีตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มะขามเทศจึงเป็นผลไม้ที่ไม่เพียงแต่ให้รสชาติอร่อย แต่ยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูง และสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้อีกมากมาย