ผักปลัง (Basella alba) เป็นพืชผักพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลำต้นอวบน้ำ มีเมือกเหนียว และใบมีลักษณะหนา ผิวมัน ใบสีเขียวสด สามารถรับประทานเป็นผักสดหรือนำไปปรุงอาหารได้หลายเมนู ผักปลังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ประเภทของผักปลัง
ผักปลังแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ได้แก่:
- ผักปลังขาว (Basella alba) – ลำต้นสีเขียว ใบสีเขียว ดอกสีขาว
- ผักปลังแดง (Basella rubra) – ลำต้นและเส้นใบสีแดงม่วง ดอกสีชมพูอมม่วง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของผักปลัง
- ลำต้น: เป็นเถาเลื้อย อวบน้ำ มีเมือกเหนียว ยาวได้ถึง 5 เมตร
- ใบ: รูปไข่หรือรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ ผิวใบมันและหนานุ่ม
- ดอก: ขนาดเล็ก ออกเป็นช่อที่ซอกใบ สีขาวหรือสีชมพู
- ผล: ทรงกลมขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-6 มม. เมื่อสุกมีสีม่วงเข้ม ใช้ทำสีย้อมธรรมชาติ
- ราก: ระบบรากแก้ว มีรากแขนงช่วยยึดเกาะดิน
คุณค่าทางโภชนาการของผักปลัง (ต่อ 100 กรัม)
- พลังงาน: 19 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 3.4 กรัม
- โปรตีน: 1.8 กรัม
- ไขมัน: 0.3 กรัม
- ใยอาหาร: 2.1 กรัม
- แคลเซียม: 109 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส: 52 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก: 1.2 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ: 800 หน่วยสากล
- วิตามินซี: 102 มิลลิกรัม
สรรพคุณของผักปลัง
- ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย – มีสารเบตาแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ช่วยลดไข้และแก้ร้อนใน – ผักปลังมีฤทธิ์เย็น ช่วยลดอาการร้อนในและแก้กระหายน้ำ
- ช่วยแก้อาการท้องผูก – เมือกจากลำต้นและใบมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เหมาะสำหรับเด็กและสตรีตั้งครรภ์
- ช่วยรักษาโรคผิวหนัง – น้ำคั้นจากใบและดอกใช้ทาแก้ผื่นคัน กลากเกลื้อน และโรคเรื้อน
- ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน – แคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ช่วยสมานแผล – ใช้ใบตำพอกแผลเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด – สารสกัดจากผักปลังมีฤทธิ์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การนำผักปลังไปประกอบอาหาร
ผักปลังสามารถนำไปใช้ทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น:
- แกงเลียงผักปลัง – แกงพื้นบ้านที่ช่วยบำรุงน้ำนมสำหรับคุณแม่หลังคลอด
- แกงแคผักปลัง – เมนูพื้นเมืองภาคเหนือ ที่ใส่ผักปลังร่วมกับผักพื้นบ้านอื่นๆ
- ผัดผักปลังน้ำมันหอย – เมนูง่ายๆ ที่ให้รสชาติอร่อยและอุดมไปด้วยสารอาหาร
- ลวกจิ้มน้ำพริก – รับประทานเป็นผักเครื่องเคียงจิ้มน้ำพริก
- ซุปผักปลัง – ทำเป็นซุปเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพ
วิธีการปลูกผักปลัง
1. การเตรียมพื้นที่ปลูก
- ควรเลือกดินร่วนซุยที่มีความชื้นดี
- ขุดดินลึกประมาณ 30 ซม. และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองพื้น
2. การปลูก
- ใช้เมล็ดพันธุ์หว่านลงในแปลงเพาะ หรือนำเมล็ดเพาะในกระถางก่อนย้ายลงแปลง
- ควรเว้นระยะห่างประมาณ 30-40 ซม. ระหว่างต้น
- ผักปลังเป็นพืชเลื้อย ควรทำค้างไม้ไผ่หรือเชือกให้เถาเลื้อยขึ้น
3. การดูแลรักษา
- ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง และรักษาความชื้นในดิน
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 15 วัน เพื่อให้ต้นเติบโตแข็งแรง
- หมั่นตัดแต่งเถาเพื่อกระตุ้นการแตกยอดใหม่
4. การเก็บเกี่ยว
- ผักปลังสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 30-40 วันหลังปลูก
- ควรตัดยอดและใบอ่อนมารับประทาน เพื่อให้ต้นแตกยอดใหม่ได้เรื่อยๆ
ช่องทางการตลาดของผักปลังในประเทศไทย
- ตลาดสดและซูเปอร์มาร์เก็ต – จำหน่ายในตลาดท้องถิ่นและห้างค้าปลีก เช่น แม็คโคร โลตัส
- การขายออนไลน์ – จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada และ Facebook Marketplace
- การส่งออก – ผักปลังมีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย และเวียดนาม
- อุตสาหกรรมแปรรูป – ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเวชสำอาง
- การขายตรงจากสวน – เกษตรกรสามารถขายผักปลังโดยตรงให้กับผู้บริโภคผ่านตลาดเกษตรกร
ข้อควรระวังในการบริโภคผักปลัง
- ผู้ที่มีอาการแพ้เมือกผักควรหลีกเลี่ยง – เมือกจากผักปลังอาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานดิบในปริมาณมาก – เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย
- สตรีมีครรภ์ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม – แม้ว่าจะช่วยบำรุงน้ำนม แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานในปริมาณมาก
สรุป
ผักปลัง (Malabar Spinach) เป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู รวมถึงเป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก และสามารถทำตลาดได้ดี หากคุณกำลังมองหาผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถปลูกได้เองที่บ้าน ผักปลังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ!