บุก (Amorphophallus spp.) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์บอน (Araceae) มีหัวใต้ดินขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นแหล่งสะสมอาหาร พบได้ในเขตร้อนของทวีปเอเชีย แอฟริกา และออสเตรเลีย ในประเทศไทยมีการใช้บุกทั้งเป็นพืชสมุนไพรและอาหารสุขภาพ เนื่องจากมีเส้นใยอาหารสูงและช่วยควบคุมน้ำหนัก
ชื่อเรียกในแต่ละภาคของประเทศไทย
- ภาคกลาง: มันซูรัน
- ภาคเหนือ: เบีย, เบือ, บุกหนาม, บุกหลวง
- ภาคอีสาน: บักกะเดื่อ
- ภาคใต้: หัวบุก
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ลำต้น: เป็นลำต้นเทียม แทงขึ้นจากหัวใต้ดิน สูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร เปลือกมีสีเขียวและมีลายแต้มสีขาว
- ใบ: เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ
- ดอก: ออกเป็นช่อดอกเดี่ยว ลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก มีกาบหุ้มสีม่วงแดงและมีกลิ่นเหม็นแรง
- หัวใต้ดิน: มีลักษณะกลม เส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 15-25 เซนติเมตร ผิวขรุขระ เนื้อในมีสีขาว เหลือง หรือชมพูอ่อน
ฤดูการปลูกและการเก็บเกี่ยว
- ฤดูปลูก: ปลูกได้ตลอดปี แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในช่วงต้นฤดูฝน (พฤษภาคม-กรกฎาคม)
- ระยะเวลาในการเติบโต: ใช้เวลาประมาณ 8-12 เดือนจึงสามารถเก็บเกี่ยวได้
- การเก็บเกี่ยว: เมื่อใบเริ่มแห้งลง สามารถขุดหัวบุกขึ้นมาทำความสะอาดและนำไปแปรรูปได้
คุณค่าทางโภชนาการ
บุกเป็นแหล่งของเส้นใยอาหารและมีแคลอรีต่ำ ในปริมาณ 100 กรัม ประกอบด้วย:
- พลังงาน: 9 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 3 กรัม
- ไขมัน: 0.1 กรัม
- ใยอาหาร: 2.8 กรัม
- แคลเซียม: 50 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก: 0.3 มิลลิกรัม
สรรพคุณทางยา
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก – สารกลูโคแมนแนน (Glucomannan) ในบุกสามารถดูดซับน้ำและทำให้รู้สึกอิ่มนาน
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด – ใยอาหารในบุกช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
- ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล – ช่วยลดการดูดซึมไขมันจากอาหาร
- ช่วยขับถ่ายและป้องกันท้องผูก – ใยอาหารในบุกช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
- รักษาโรคผิวหนัง – หัวบุกสามารถใช้ภายนอกเพื่อบรรเทาอาการผื่นคันและแผลไฟไหม้
การใช้บุกในอาหาร
บุกสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารสุขภาพได้หลายชนิด เช่น:
- แป้งบุก – ใช้ทำวุ้นเส้น ขนม และอาหารสุขภาพ
- เยลลี่บุก – ผลิตภัณฑ์ขนมที่ทำจากสารสกัดจากบุก
- ข้าวบุก – ใช้แทนข้าวสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- เส้นบุก – ใช้แทนเส้นพาสต้าในเมนูอาหารคลีน
วิธีการแปรรูปบุก
- การทำแป้งบุก
- ล้างหัวบุกให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นเล็ก
- ตากแดดให้แห้งสนิท
- บดให้เป็นผงละเอียด
- การทำวุ้นบุก
- ต้มผงบุกในน้ำจนละลาย
- เติมสารให้ความหวานหรือรสชาติอื่น ๆ
- เทลงพิมพ์และปล่อยให้เย็นจนแข็งตัว
วิธีการปลูกบุก
- การเตรียมดิน – ใช้ดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี
- การขยายพันธุ์ – ใช้หัวบุกที่มีตาหรือหน่อใหม่ปลูกลงดิน
- การดูแลรักษา – ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ
- การเก็บเกี่ยว – สามารถขุดเก็บหัวบุกได้หลังจากปลูกประมาณ 8-12 เดือน
ข้อควรระวัง
- ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม – การรับประทานบุกมากเกินไปอาจทำให้ท้องอืด
- ผู้ที่มีปัญหาทางเดินอาหารควรปรึกษาแพทย์ – บุกอาจทำให้เกิดภาวะอุดตันในลำไส้หากบริโภคมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการรับประทานบุกดิบ – บุกดิบมีสารพิษที่ต้องกำจัดออกก่อนรับประทาน
สรุป
บุกเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ทั้งในด้านโภชนาการและการรักษาโรค นิยมใช้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีเส้นใยสูงและช่วยควบคุมน้ำหนัก การใช้บุกอย่างถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากพืชชนิดนี้