ต้นหอม (Green Onion) เป็นผักสมุนไพรที่มีบทบาทสำคัญในครัวไทยและหลายประเทศทั่วโลก ด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติอ่อนๆ ต้นหอมถูกนำมาใช้ทั้งเป็นเครื่องปรุงในอาหารและใช้รับประทานสด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาที่ช่วยบำรุงสุขภาพ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นหอม
1. ลำต้นและใบ
- ลำต้นเป็นปล้องกลวง สีเขียวสด มีความสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร
- ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายแหลม ขึ้นเป็นกอ
2. รากและหัว
- มีระบบ รากฝอย สามารถดูดซับสารอาหารจากดินได้ดี
- ไม่มีหัวขนาดใหญ่เหมือนหอมหัวใหญ่ แต่มีหัวเล็กบริเวณโคนต้น
3. ดอกและเมล็ด
- ดอกออกเป็นช่อ ทรงกลม สีขาวหรือม่วงอ่อน
- เมล็ดขนาดเล็ก ใช้ขยายพันธุ์ได้

คุณค่าทางโภชนาการของต้นหอม
ต้นหอมเป็นแหล่งของ วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญต่อร่างกาย โดยใน ต้นหอม 100 กรัม มีสารอาหารดังนี้
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
พลังงาน | 32 กิโลแคลอรี |
คาร์โบไฮเดรต | 7.3 กรัม |
ใยอาหาร | 2.6 กรัม |
โปรตีน | 1.8 กรัม |
วิตามินซี | 18 มิลลิกรัม |
วิตามินเอ | 997 IU |
แคลเซียม | 72 มิลลิกรัม |
ธาตุเหล็ก | 1.5 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 276 มิลลิกรัม |
สรรพคุณและประโยชน์ของต้นหอม
1. ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
- ต้นหอมมี วิตามินซีสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
2. บรรเทาอาการหวัดและคัดจมูก
- น้ำมันหอมระเหยจากต้นหอม มีฤทธิ์ช่วยเปิดทางเดินหายใจ บรรเทาอาการหวัดและไอ
3. ช่วยย่อยอาหารและขับลม
- ต้นหอมช่วยกระตุ้นเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลม
4. บำรุงกระดูกและฟัน
- แคลเซียมและฟอสฟอรัสในต้นหอมช่วย เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
5. ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ต้นหอมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
6. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
- มี สารเควอซิทิน (Quercetin) ที่ช่วยต้านเซลล์มะเร็งและลดการอักเสบในร่างกาย
7. ป้องกันภาวะโลหิตจาง
- ธาตุเหล็กในต้นหอมช่วยในการ สร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง
การนำต้นหอมไปใช้ในอาหาร
1. อาหารไทยที่ใช้ต้นหอม
- โรยหน้าอาหาร เช่น ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว และซุปต่างๆ
- ใช้ผัดกับอาหาร เช่น ผัดไข่ ผัดหมู และผัดซีอิ๊ว
- เป็นส่วนผสมในน้ำจิ้ม เช่น น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มแจ่ว
2. อาหารนานาชาติที่ใช้ต้นหอม
- ซุปมิโสะ (Miso Soup) ของญี่ปุ่น
- แพนเค้กต้นหอม (Scallion Pancake) ของจีน
- ออมเล็ตต้นหอม (Scallion Omelette)
3. การแปรรูปต้นหอม
- ต้นหอมแห้ง – ใช้โรยอาหาร เพิ่มรสชาติ
- ต้นหอมดอง – ใช้เป็นเครื่องเคียงในอาหาร

วิธีการปลูกและดูแลต้นหอม
1. การเลือกสถานที่ปลูก
- ปลูกได้ทั้งในดิน แปลงปลูก กระถาง หรือภาชนะปลูก
- ต้องการดินที่ระบายน้ำดี และมีความชื้นพอเหมาะ
2. การปลูกต้นหอม
- เพาะเมล็ด: หว่านเมล็ดในดินที่เตรียมไว้
- ปักชำจากโคนต้น: ใช้โคนต้นหอมที่มีราก นำไปปักชำลงดิน
3. การดูแลรักษา
- รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ให้ดินชุ่มชื้นแต่ไม่แฉะ
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยน้ำทุก 10-15 วัน
- ถอนวัชพืชและพรวนดิน เป็นระยะเพื่อให้รากเจริญเติบโตดี
4. การเก็บเกี่ยวต้นหอม
- ต้นหอมสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุ 45-60 วัน
- ตัดใบเพื่อนำไปใช้ โดยเว้นช่วงโคนต้นไว้ให้สามารถแตกใบใหม่ได้
ข้อควรระวังในการบริโภคต้นหอม
- ไม่ควรรับประทานมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด
- ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียมหรือหัวหอม ควรหลีกเลี่ยง
- ผู้ป่วยโรคไตควรบริโภคอย่างระมัดระวัง เพราะมีโพแทสเซียมสูง
ตลาดและโอกาสทางธุรกิจของต้นหอม
1. ตลาดภายในประเทศ
- ต้นหอมเป็นผักที่ มีความต้องการสูงตลอดปี
- สามารถขายได้ในตลาดสดและห้างสรรพสินค้า
2. ตลาดส่งออก
- มีการส่งออกไปยัง จีน เกาหลี และญี่ปุ่น
- รูปแบบที่นิยมคือ ต้นหอมสดและต้นหอมแห้ง
สรุป
- ต้นหอมเป็นพืชสมุนไพรที่มีบทบาทสำคัญในครัวไทยและทั่วโลก
- มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพ
- สามารถนำไปใช้ในอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งไทยและต่างประเทศ
- เป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย และสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี
ต้นหอมจึงเป็นผักที่ควรมีติดครัวไว้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร แต่ยังช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย!