ตูน (Colocasia gigantea) เป็นพืชล้มลุกที่อยู่ในวงศ์ Araceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับบอนและเผือก มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นที่รู้จักในชื่อเรียกต่าง ๆ เช่น “คูน” ในภาคกลาง และ “ออดิบ” ในภาคใต้ พืชชนิดนี้นิยมใช้เป็นอาหารพื้นบ้านในหลายภูมิภาคของประเทศไทย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของตูน
- ลำต้น: ตูนเป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นเหนือดินเป็นก้านใบที่สูงและอวบน้ำ
- ใบ: ใบมีขนาดใหญ่ รูปหัวใจหรือรูปไข่กว้าง ขอบใบหยักเป็นคลื่น ก้านใบยาว สีเขียวอ่อนหรือขาวนวล
- ดอก: ออกเป็นช่อเชิงลดที่กึ่งกลางกอ มีกาบรองช่อดอกสีเหลืองหุ้มปลีดอกสีครีม มีกลิ่นหอม
- ราก: เป็นระบบรากฝอย สามารถดูดซับน้ำและสารอาหารได้ดี
การกระจายพันธุ์และถิ่นที่อยู่
ตูนพบได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย มักขึ้นในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ริมลำธาร พื้นที่ลุ่มน้ำ สวนครัว หรือพื้นที่ที่มีน้ำเพียงพอ พืชชนิดนี้ชอบแสงแดดรำไรและดินที่อุดมสมบูรณ์
การปลูกและการดูแล
ตูนเป็นพืชที่ปลูกง่ายและไม่ต้องการการดูแลมากนัก สามารถปลูกได้ทั้งในแปลงดินและในกระถาง
1. การขยายพันธุ์
- สามารถขยายพันธุ์โดยการแยกกอ หรือใช้เหง้าในการปลูก
- แนะนำให้ปลูกในช่วงต้นฤดูฝน เพื่อให้ได้รับความชื้นเพียงพอ
2. การเตรียมดิน
- ดินที่เหมาะสมควรเป็นดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี และมีความชื้นสูง
- ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มสารอาหารให้กับดิน
3. การดูแล
- รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต
- ควรกำจัดวัชพืชรอบ ๆ ต้นเพื่อป้องกันการแข่งขันสารอาหาร
4. การเก็บเกี่ยว
- สามารถเก็บเกี่ยวก้านใบและใบอ่อนเพื่อใช้ปรุงอาหารได้หลังจากปลูกประมาณ 2-3 เดือน
- ใช้มีดตัดก้านใบให้เหลือโคนติดกับต้นเล็กน้อย เพื่อให้สามารถแตกยอดใหม่ได้ต่อเนื่อง
ประโยชน์ของตูน
1. อาหารพื้นบ้าน
- ใบและก้านใบอ่อนของตูนสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น
- แกงส้มตูน: นิยมใช้ตูนเป็นส่วนประกอบหลักในแกงส้ม
- แกงกะทิตูน: ใบและก้านตูนอ่อนสามารถนำมาแกงกะทิได้เช่นเดียวกับผักกูด
- ลวกกินสด: สามารถนำก้านใบมาลวกกินกับน้ำพริก
- ผัดน้ำมันหอย: ก้านตูนสามารถนำไปผัดกับเนื้อสัตว์เพื่อเพิ่มรสชาติ
2. คุณค่าทางโภชนาการ
ตูนเป็นพืชที่มีแคลอรีต่ำ และอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น
- วิตามินเอ: ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
- วิตามินซี: เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- แคลเซียม: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
- โพแทสเซียม: ช่วยควบคุมความดันโลหิต
3. สมุนไพรพื้นบ้าน
- ในบางพื้นที่ ตูนถูกใช้ในแพทย์พื้นบ้านเพื่อรักษาอาการบางอย่าง เช่น
- ใช้เหง้าสดลดไข้หรือบรรเทาอาการปวดท้อง
- ใช้ใบตำพอกแผลเพื่อลดการอักเสบ
ข้อควรระวังในการบริโภค
- ตูนมีสารแคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate) ที่อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือคันในช่องปาก ควรนำไปต้ม หรือลวกก่อนนำมาปรุงอาหาร
- ไม่ควรรับประทานตูนดิบ เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือท้องอืดได้
สรุป
ตูน (Colocasia gigantea) เป็นพืชที่มีประโยชน์ทั้งด้านอาหารและสมุนไพร สามารถปลูกได้ง่ายและใช้ในเมนูอาหารพื้นบ้านได้หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นพืชที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง หากนำมาใช้ให้ถูกวิธี ตูนจะเป็นพืชที่มีคุณค่าและเหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนไทย