กระเทียม (Garlic) เป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรและเครื่องเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะในครัวไทยที่แทบจะขาดไม่ได้ กระเทียมไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มกลิ่นและรสชาติให้อาหารเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาอันทรงคุณค่า เป็นที่ยอมรับทั้งในวงการแพทย์แผนโบราณและการวิจัยสมัยใหม่ว่าเป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน
ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกระเทียมในทุกแง่มุม ตั้งแต่ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ คุณค่าทางโภชนาการ สรรพคุณทางยา การนำไปใช้ในอาหาร รวมถึงการแปรรูปและข้อควรระวังในการบริโภค

กระเทียมคืออะไร
กระเทียม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Allium sativum) จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับหอมหัวใหญ่และหอมแดง คือวงศ์ Amaryllidaceae มีต้นกำเนิดในเอเชียกลาง ก่อนจะแพร่กระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ลักษณะเด่นของกระเทียมคือมีหัวใต้ดินประกอบด้วยหลายกลีบห่อรวมกันอยู่ในเปลือกบาง ๆ ซึ่งกลีบเหล่านี้เป็นส่วนที่นิยมนำมาประกอบอาหารและใช้เป็นยาสมุนไพร
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกระเทียม
- ลำต้น: เป็นพืชล้มลุกสูงประมาณ 30–60 เซนติเมตร ไม่มีลำต้นจริง แต่มีกาบใบซ้อนกันเป็นลำต้นเทียม
- ใบ: เรียวยาว สีเขียว ปลายแหลม
- ดอก: ออกเป็นช่อ กลีบดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน
- หัว: อยู่ใต้ดิน ประกอบด้วยกลีบเล็ก ๆ 5–20 กลีบ

คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียม (ต่อ 100 กรัม โดยประมาณ)
- พลังงาน: 149 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต: 33 กรัม
- โปรตีน: 6.4 กรัม
- ใยอาหาร: 2.1 กรัม
- วิตามิน B1, B2, B6 และ C
- แร่ธาตุ: แคลเซียม เหล็ก แมงกานีส ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และซีลีเนียม
- สารอัลลิซิน (Allicin): สารสำคัญที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อและต้านอนุมูลอิสระ
สรรพคุณทางยาของกระเทียม
- ลดไขมันในเลือด
กระเทียมช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ - ควบคุมความดันโลหิต
สารในกระเทียมช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ลดแรงดันเลือด เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคความดันสูง - เสริมภูมิคุ้มกัน
กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว และมีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา - ต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยลดการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและมะเร็ง - บำรุงระบบย่อยอาหาร
กระเทียมช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ลดแก๊สในกระเพาะอาหาร ปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ - ป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
สารอัลลิซินช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส ช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการหวัด
การใช้กระเทียมในอาหาร
กระเทียมถือเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในหลากหลายเมนูอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะในอาหารไทย เช่น
- ผัดกระเทียม
- หมูทอดกระเทียม
- น้ำพริกต่าง ๆ
- เครื่องแกง เช่น พริกแกงเผ็ด พริกแกงเขียวหวาน
- ซุป หรืออาหารตุ๋นต่าง ๆ
- หมักเนื้อสัตว์ก่อนปรุง
นอกจากนี้ยังนิยมเจียวกระเทียมให้กรอบเพื่อโรยหน้าอาหาร เพิ่มกลิ่นหอมและความอร่อย
การแปรรูปกระเทียม
- กระเทียมเจียว
นิยมใช้โรยหน้าข้าวต้ม โจ๊ก หรืออาหารทอดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม - กระเทียมผง
ทำโดยการอบแห้งและบดเป็นผง ใช้แทนกระเทียมสดในอาหารแห้ง หรือผสมในซอสสำเร็จรูป - กระเทียมดอง
ทำได้ทั้งแบบดองเปรี้ยวและดองน้ำผึ้ง ใช้เป็นเครื่องเคียง หรือรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ - กระเทียมดำ (Black Garlic)
เป็นกระเทียมที่ผ่านการบ่มด้วยความร้อนและความชื้นนานหลายสัปดาห์จนได้เนื้อสีดำ รสชาติหวานนุ่ม นิยมใช้ในอาหารสุขภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง - น้ำมันกระเทียม
สกัดจากกระเทียมสด ใช้ปรุงอาหารหรือใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

แหล่งปลูกกระเทียมหลักของประเทศไทย
แหล่งปลูกกระเทียมในประเทศไทยส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและบางจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีสภาพอากาศเย็นในช่วงฤดูหนาวเหมาะสมกับการปลูกกระเทียม เพราะกระเทียมเป็นพืชล้มลุกที่เจริญเติบโตได้ดีในช่วงอากาศเย็น โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์
ภาคเหนือ
- จังหวัดเชียงใหม่
- อำเภอเวียงแหง แม่แตง และสะเมิง
- มีชื่อเสียงในด้านกระเทียมคุณภาพสูง เปลือกบาง กลิ่นหอมแรง เหมาะแก่การบริโภคสดและแปรรูป
- จังหวัดลำพูน
- อำเภอบ้านโฮ่งและแม่ทา
- มีการปลูกกระเทียมหลากหลายพันธุ์ นิยมใช้ในการแปรรูป เช่น กระเทียมดอง กระเทียมเจียว
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน
- อำเภอปาย และขุนยวม
- ผลิตกระเทียมพันธุ์พื้นเมือง กลีบใหญ่ สีขาว เนื้อแน่น กลิ่นหอมเฉพาะ
- จังหวัดพะเยา ลำปาง แพร่ และน่าน
- พื้นที่เหล่านี้นิยมปลูกกระเทียมพันธุ์ตาแดง และพันธุ์หยวก ที่ทนต่อสภาพอากาศและดินได้ดี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- จังหวัดศรีสะเกษ
- ปลูกกระเทียมพันธุ์พื้นเมือง กลีบเล็ก เนื้อแน่น เก็บรักษาได้นาน
- นิยมปลูกเพื่อแปรรูปหรือขายในท้องถิ่น
- จังหวัดชัยภูมิ และนครราชสีมา
- เป็นพื้นที่ที่เริ่มขยายการปลูกกระเทียมมากขึ้น โดยใช้พันธุ์จากภาคเหนือ
การปลูกกระเทียมในประเทศไทย
- ฤดูปลูก: ปลายฝนต้นหนาว (พ.ย. – ธ.ค.)
- ฤดูเก็บเกี่ยว: ประมาณเดือน ก.พ. – มี.ค.
- ลักษณะพื้นที่: ดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำดี อุณหภูมิเฉลี่ย 15–25°C
พันธุ์กระเทียมที่นิยมปลูก
- พันธุ์ตาแดง
- กลีบสีชมพูอมแดง กลิ่นฉุนแรง เก็บได้นาน
- พันธุ์หยวก
- กลีบใหญ่ เปลือกขาว รสอ่อน นิยมบริโภคสด
- พันธุ์บ้านโฮ่ง (ลำพูน)
- กลิ่นแรงพิเศษ ใช้แปรรูปเป็นกระเทียมดำ กระเทียมเจียว
สรุป
ประเทศไทยมีศักยภาพในการปลูกกระเทียมอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่มีภูมิประเทศและอุณหภูมิเหมาะสมที่สุด กระเทียมจากแหล่งปลูกเหล่านี้มีคุณภาพดี หอม เข้มข้น และเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ การสนับสนุนเกษตรกรให้พัฒนากระบวนการปลูกและแปรรูปจะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน